Site icon Thumbsup

ลุ้น Amazon พัฒนาเครื่องอ่านบัตรเครดิตของตัวเองพร้อมสู้กับ Square

BN-BH349_amazon_G_20140129175912

สื่อต่างประเทศเชื่อว่า Amazon กำลังวางแผนแข่งขันกับผู้ให้บริการเครื่องและระบบรับชำระเงินพันธุ์ใหม่ราคาประหยัดอย่าง Square เพราะมีหลักฐานบอกใบ้ว่า Amazon กำลังพยายามสร้างสรรค์ credit card reader หรือเครื่องอ่านบัตรเครดิตของตัวเองเพื่อวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ ซึ่งหากข่าวนี้เป็นความจริง Square จะมีคู่แข่งที่น่ากลัวมากทีเดียว

ก่อนหน้านี้ เราได้เห็นข่าวว่า Amazon พัฒนาระบบกระเป๋าเงินออนไลน์เพื่อให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าและบริการกับ Amazon ได้สะดวกยิ่งขึ้น แตวันนี้เอกสารลับของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่างร้าน Staples ระบุว่า Amazon กำลังริเริ่มวางจำหน่ายเครื่องอ่านบัตรเครดิตของตัวเองในเดือนหน้า

เอกสารนี้ถูกนำมาเผยแพร่โดยเว็บไซต์ 9to5Mac โดยในเอกสารมีการระบุว่าร้าน Staples ได้สั่งสินค้าชื่อ “Amazon Card Reader” มาวางจำหน่ายในราคา 10 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 320 บาท โดยสินค้าชิ้นนี้จะพร้อมวางจำหน่ายในวันที่ 12 สิงหาคม ตามเวลาในสหรัฐฯ

ราคา 10 เหรียญสหรัฐนี้เท่ากับเครื่องอ่านบัตรเครดิตที่บริษัทดาวรุ่งอย่าง Square เคยวางจำหน่ายอยู่ก่อนจะเปลี่ยนมาทำโปรโมชันแถมฟรีในขณะนี้ เรื่องนี้สื่อต่างประเทศเชื่อว่าสินค้าใหม่ของ Amazon จะทำให้วงการระบบชำระเงินด้วยอุปกรณ์พกพามีการแข่งขันที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น จุดนี้ 9to5Mac วิเคราะห์ว่าเครื่องอ่านบัตรเครดิตนี้มีโอกาสสูงที่จะทำงานร่วมกับบริการ Amazon Wallet ที่เพิ่งเปิดตัวไป ซึ่งการเปิดตัวเครื่องอ่านบัตรเครดิตนี้จะทำให้ Amazon มีก้าวที่มั่นคงยิ่งขึ้นในวงการ mobile payment

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานว่าเอกสารนี้เป็นเอกสารจริงหรือปลอม แต่หากเป็นความจริง โลกจะจับตาดูว่า Amazon จะใช้วิธีการใดในการดึงลูกค้าองค์กรธุรกิจที่ใช้บริการโซลูชันรับชำระเงินราคาประหยัดจากค่ายอื่นอยู่ในขณะนี้ ทั้ง Square, PayPal และ Intuit

ในเบื้องต้น สำนักข่าว 9to5Mac เตือนความจำว่าก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่าทีมพัฒนาฮาร์ดแวร์ของ Amazon นามว่า “Lab126” กำลังพัฒนาระบบรับชำระเงินที่ลูกค้าสามารถจ่ายเงินด้วยลายนิ้วมือ จุดนี้มีความเป็นไปได้สูงที่ Amazon อาจกำลังพยายามให้ตัวเองกลายเป็นเบอร์ 1 เรื่อง “biometric payment” หรือระบบจ่ายเงินด้วยข้อมูลชีวภาพ ซึ่งจะมีความปลอดภัยตรงตามความต้องการของอุตสาหกรรมในภาพรวม

ที่มา : VentureBeat