ถือเป็นเรื่องน่าสนใจในวงการอีคอมเมิร์ซสหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าพ่ออย่าง Amazon ประกาศเพิ่มเพดานขั้นต่ำของราคาสินค้าที่จะได้สิทธิ์จัดส่งฟรีจาก 35 ดอลลาร์สหรัฐเป็น 49 ดอลลาร์หรือประมาณ 1,750 บาท เรียกว่า Amazon ยอมเสี่ยงต่อการเสียท่าให้คู่แข่งเพื่อแลกกับการลดภาระแบกรับต้นทุนค่าจัดส่งสินค้า
รายงานระบุว่าการเปลี่ยนแปลงเพดานราคาส่งสินค้าฟรีของ Amazon จะมีผลกับกลุ่มลูกค้าที่ไม่ใช่สมาชิกบริการ Prime โดยก่อนหน้านี้ เพดานการส่งสินค้าฟรีของ Amazon อยู่ที่ 35 ดอลล์หรือ 1,250 บาทเท่านั้น (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา)
อย่างไรก็ตาม ยอดจัดส่งฟรีในสินค้ากลุ่มหนังสือจะยังคงอยู่ที่ 25 ดอลลาร์เท่านั้น เพดานราคาส่งสินค้าฟรีที่ต่ำกว่าสะท้อนว่า Amazon ยังหวังกระตุ้นให้ลูกค้าหนอนหนังสือหันมาใช้บริการให้มากขึ้น
แต่อีกนัยหนึ่ง การตัดสินใจครั้งนี้ยังแสดงว่า Amazon ต้องการเพิ่มคุณค่าให้สมาชิกบริการ Prime ที่มีค่าธรรมเนียม 99 เหรียญต่อปี ทุกคนที่เสียค่าธรรมเนียมมากกว่า 3,000 บาทนี้จะได้รับบริการส่งสินค้าด่วนใน 1 ชั่วโมง และยังสามารถชมรายการซีรียส์เด่นได้ คาดว่าจะมีบริการอื่นที่ Amazon เตรียมไว้เพื่อดึงดูดแฟนพันธุ์แท้ไม่ให้หลงไปใช้งานค่ายช้อปปิ้งออนไลน์อื่น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Amazon ต้องเปลี่ยนแปลงกฏส่งสินค้าฟรี คือต้นทุนการจัดส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุด Amazon เผยว่าต้นทุนจัดส่งสินค้าของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว (ราว 4 แสนล้านบาท)
Amazon ยังประกาศเชิญ “driver” หรือนักขับขี่จำนวนมากให้ร่วมสมัครเป็นส่วนหนึ่งของบริการ “on-demand” delivery service บริการส่งของฟรีแลนซ์ที่จะนำส่งสินค้าขนาดมาตรฐานแก่ลูกค้าในบางเส้นทาง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นบริการที่ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนให้ Amazon ได้
ที่มา : Amazon