ต่างชาติใช้คำว่า “war of the warehouse” สำหรับความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซโลกอย่าง Amazon.com ที่ประกาศว่าได้ลงทุนมากกว่า 1.39 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4.4 แสนล้านบาทในการสร้างคลังสินค้าเกือบ 50 แห่งในช่วง 3 ปีที่่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลงทุนที่ Amazon เชื่อว่าจะสามารถชนกับคู่แข่งเพื่อให้ Amazon สามารถจัดส่งสินค้าได้เร็วขึ้น
การทุ่มเทสร้างคลังสินค้ามากกว่า 50 แห่งตั้งแต่ปี 2010 นั้นถือเป็นการวางหมากเพื่อทำศึก war of the warehouse ของ Amazon โดยที่ผ่านมา ร้านค้าออนไลน์ Amazon.com นั้นพบว่าคู่แข่งทั้งเจ้าตลาดเว็บไซต์ประมูลสินค้าออนไลน์อย่าง eBay และยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอเมริกันอย่าง Wal-Mart Stores นั้นพยายามเข้าถึงชาวเน็ตอเมริกันอย่างดุเดือด ทั้งหมดนี้ทำให้ Amazon ทุ่มเม็ดเงินไปกับการสร้างคลังสินค้าในช่วง 2-3 ปีที่่ผ่านมา จนมีมูลค่าสูงกว่าเม็ดเงินลงทุนที่ Amazon ใช้ไปกับคลังสินค้าในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้
หากนับถึงปลายปี 2012 สถิติพบว่า Amazon มีคลังสินค้ามากกว่า 89 แห่ง โดยมีแผนเพิ่มคลังสินค้ามากกว่า 5 จุดในปีนี้ (2013) ทั้งหมดนี้ Dave Clark รองประธานฝ่ายบริการลูกค้าและการปฏิบัติงานทั่วโลก เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ว่าการสร้างคลังสินค้าแต่ละแห่งนั้นเกิดขึ้นได้รวดเร็วมากเพราะ Amazon สร้างมาตรฐานซึ่งทำให้กระบวนการเปิดคลังสินค้าแต่ละแห่งสามารถทำซ้ำใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แม้ว่าการจัดสร้างคลังสินค้าจะกลายเป็นงานที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมากที่สุดของ Amazon ในขณะนี้ โดยเฉพาะปีที่แล้ว Amazon ระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคลังสินค้านั้นมีมูลค่ามากกว่า 39 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Jeff Bezos ซีอีโอ Amazon ก็ยังคงไม่มีแผนรัดเข็มขัดด้านการลงทุนคลังสินค้า แต่พร้อมลุยเต็มที่ในวันที่ eBay เริ่มให้บริการจัดส่งสินค้าในวันเดียวแก่ชาวอเมริกันบางเมือง (เหมือนที่ Amazon ให้บริการแล้วในขณะนี้) รวมถึง Wal-Mart เจ้าพ่อร้านค้าปลีกที่มีสาขาหน้าร้านในสหรัฐฯมากกว่า 4,700 แห่งและสามารถเปลี่ยนร้านค้าเหล่านี้เป็นคลังสินค้าเพื่อจัดส่งให้แก่ลูกค้าบนโลกออนไลน์ได้
ปัจจุบัน Amazon ประกาศเพิ่มพนักงาน 5,000 ตำแหน่งเพื่อดูแลคลังสินค้าโดยเฉพาะ จากเดิมที่มีมากกว่า 20,000 คน เชื่อว่าจำนวนพนักงานคลังสินค้าของ Amazon จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตแน่นอน
ที่มา: VentureBeat