ปัจจุบัน การปรับปรุงสถานที่ทำงานให้เข้ากับโลกในยุค Disruptive Innovation และคนทำงาน Gen Y – Millennial เป็นสิ่งที่หลายองค์กรเริ่มให้ความสำคัญอย่างมาก เห็นได้จากบริษัทระดับโลกอย่าง Google, Facebook, Apple, Airbnb, Slack ฯลฯ ที่ปรับแนวคิดเรื่องสำนักงานจนได้รับการจัดอันดับว่าเป็นออฟฟิศที่น่าทำงานด้วยจากโพลล์หลายสำนัก
หันมาที่เมืองไทย แน่นอนว่ากระแสการปรับโฉมออฟฟิศให้สนุก ผ่อนคลาย และดูไม่เป็นทางการมากนักได้กลายเป็นกระแสในหมู่คนทำงานรุ่นใหม่เช่นกัน ซึ่งเราคงได้เห็นภาพของหลายๆ ออฟฟิศที่ปรับตัวมาอยู่ในรูปแบบดังกล่าวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น DTAC, Rabbit’s Tale ฯลฯ
แต่ล่าสุด ด้วยงบลงทุน 300 ล้านบาทที่ค่ายอสังหาริมทรัพย์ (ปัจจุบันประกาศตัวว่าเป็น Tech Company แล้ว) อย่าง Ananda Development ทุ่มปรับโฉมตึกบนชั้น 11 – 12 ของอาคาร FYI Center ย่านคลองเตยให้กลายเป็น Ananda Campus ก็สามารถสร้าง Talk of the town ได้อีกครั้ง เนื่องจากมีการลงทุนด้าน Infrastructure อย่างเต็มพิกัด ทั้งระบบจองห้องประชุม – โต๊ะทำงานอัตโนมัติ กระดานอัจฉริยะ การประชุมทางไกลที่ไม่จำกัดแพลตฟอร์ม ระบบสั่งพิมพ์งานระยะไกล ไปจนถึงการบริการบัตรรถไฟฟ้าฟรีแก่พนักงานเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว อาหารกลางวันเพื่อสุขภาพฟรีจากร้าน Kloset และเตียงนอนนุ่มๆ (Nap Pod) สำหรับพนักงานคนใดก็ตามที่รู้สึกเหนื่อยล้า
คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท Ananda Development จำกัด (มหาชน) เผยว่า การจะสร้าง Innovation ให้เกิดขึ้นได้เป็นผลสำเร็จนั้น จะทำแค่ซีอีโอคนเดียวคงไม่ประสบความสำเร็จ นั่นจึงทำให้ Ananda ต้องปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ให้เน้นการทำงานร่วมมือกัน สร้าง Culture ที่คุยกันได้ และนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้มากที่สุด
โดยสิ่งหนึ่งที่ Ananda ให้ความสำคัญก็คือห้องประชุม ห้องประชุมที่ Campus ใหม่นี้มีถึง 45 ห้อง (450 ที่นั่ง) แบ่งเป็นขนาด XS, S, M, L และ XL และใช้ชื่อตามสถานีรถไฟฟ้า และ Ananda ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การจัดการห้องประชุมช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น โดยดึงบริษัท Cisco, Fujitsu และ Samsung ให้นำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาติดตั้ง เช่น การแชร์ไฟล์จากระยะไกล ซึ่งช่วยลดการใช้กระดาษในสำนักงานลงได้, โซลูชั่นการพิมพ์แบบอัจฉริยะ (Smart Printing Solution) การสั่งงานพิมพ์ผ่านสมาร์ทโฟน (Mobile Printing) โดยการผ่านระบบซอฟแวร์ชื่อ Send Anywhere หรือ Cloud ช่วยในการจัดเตรียมงานพิมพ์และสั่งพิมพ์ได้จากเครื่องสมาร์ทโฟนแม้ไม่ได้อยู่ออฟฟิศ พร้อมรับงานได้ทันทีที่หน้าเครื่องพิมพ์เมื่อเดินทางมาถึง
นอกจากนั้นยังมีฟังก์ชั่นรักษาความปลอดภัยของเอกสารสำคัญ (Secure Print) ที่เอกสารจะถูกพิมพ์ก็ต่อเมื่อผู้สั่งงานแตะบัตรพนักงานที่ตัวเครื่องพิมพ์ ช่วยป้องกันเอกสารสูญหายหรือข้อมูลสำคัญในเอกสารถูกเปิดเผย การใช้กระดานอัจฉริยะที่สามารถเขียนข้อความต่างๆ ได้ในระหว่างการประชุม และเมื่อจบการประชุมก็สามารถส่งเมลจากกระดานอัจฉริยะถึงพนักงานที่เกี่ยวข้องได้เลย ไม่ต้องปรินท์ให้สิ้นเปลืองกระดาษ ฯลฯ
จากการพูดคุยกับทีมงานของ Ananda รายหนึ่งซึ่งเป็นคน Gen Y ให้ความเห็นว่า ออฟฟิศในลักษณะนี้ค่อนข้างโดนใจคน Gen Y อย่างเธอ เนื่องจากบริษัทให้ความไว้วางใจและไม่จำกัดกรอบว่าต้องเข้างานกี่โมง เลิกงานกี่โมง ขอเพียงงานเสร็จตามกำหนดและมีคุณภาพตามที่ได้รับมอบหมาย
ซึ่งตัวกลางที่ Ananda Campus เลือกใช้เป็นเครื่องมือในการติดตั้งสื่อสารก็คือ Facebook Workplace รวมถึง Jabber แอปพลิเคชันที่พนักงานทุกคนต้องติดตั้งลงในอุปกรณ์ของตนเอง โดยสามารถรวมทุกการสื่อสารทั้งภาพ เสียง ข้อความ การแชร์หน้าจอ การประชุมเข้ามาไว้ในโปรแกรมเดียว เพื่อให้พนักงานสามารถเข้าถึงการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เห็นอย่างนี้แล้ว เชื่อว่าคงมีผู้สนใจอยากไปดูงานที่ออฟฟิศไฮเทคอย่าง Ananda Campus กันมากมายแน่ๆ ซึ่งนอกจากการไปศึกษาเรียนรู้แนวคิดของบริษัทแล้ว เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Ananda Campus ที่บริษัทระบุว่าเป็นสำนักงานที่ชาญฉลาดที่สุดในเอเชียนี้จะสามารถสร้างการเติบโตให้ Ananda ได้ถึง 300% ในอีก 3 ปีข้างหน้าอย่างที่บริษัทคาดการณ์ไว้หรือไม่