Site icon Thumbsup

คุยกับ 2 ผู้บริหารหนุ่ม Anchor บริการที่ Spotify ซื้อมาเพื่อชน Apple

Anchor ถูกมองว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ Spotify จะใช้เป็นหนทางเอาชนะ Apple ในสมรภูมิเพลงออนไลน์ ความน่าสนใจของ Anchor อยู่ที่ 2 ผู้ก่อตั้งซึ่งมีวิสัยทัศน์ไม่ธรรมดา กับภารกิจสร้าง “เสียงเสรี” ที่ทั้งคู่ยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ Anchor ย้ายไปอยู่ใต้ชายคา Spotify

ความโดดเด่น Anchor ยังเกี่ยวข้องกับแถลงการณ์ของ Daniel Ek ผู้ก่อตั้งและ CEO Spotify ซึ่งยืนยันในวันที่ Spotify มีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคนทั่วโลก ว่า Spotify เห็นโอกาสที่นอกเหนือจากธุรกิจที่ทำอยู่ทุกวันนี้ โอกาสนั้นจะทำให้ Spotify ดึงดูดผู้ใช้ได้ด้วยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เพลง ซึ่งจะเป็นการดึงดูดรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิงที่จะเพิ่มมูลค่าตลาด audio ให้ทัดเทียม video จุดนี้ Ek อธิบายว่าอุตสาหกรรมวิดีโอวันนี้มีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แต่วงการเพลงและวิทยุมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านเหรียญเท่านั้น ความจริงนี้ทำให้ Ek ข้องใจว่า “ดวงตา” มีค่ามากกว่า “หู” ถึง 10 เท่าจริงหรือ? ทั้งที่วันนี้ผู้บริโภคก็ใช้เวลาฟังเพลงนานพอกับการชมวิดีโอ

วิสัยทัศน์นี้ทำให้ Spotify ประกาศเข้าซื้อกิจการ 2 บริษัท คือ Gimlet Media และ Anchor กรณีของ Gimlet เป็นบริการพอดคาสต์เกี่ยวกับเรื่องราวการเริ่มต้นสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ขณะที่ Anchor คือแพลตฟอร์มสำหรับการทำพอดคาสต์แสนสะดวกที่เป็นเบอร์ 1 ในตลาดขณะนี้

แพลตฟอร์มพอดคาสต์อันดับ 1 ของโลก

ราว 4 ปีที่แล้วก่อนที่ Anchor จะเป็นแพลตฟอร์มพอดคาสต์อันดับ 1 ของโลก ผู้ร่วมก่อตั้ง Anchor ทั้ง Michael Mignano และ Nir Zicherman ยังทำงานที่ Aviary ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการแก้ไขภาพ ทั้งคู่ตัดสินใจลองและเริ่มทำพอดคาสต์ด้วยกัน อย่างไรก็ตามแผนการนี้ก็หยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เพราะกระบวนการวิจัยที่ยังไม่ลงตัว

Mignano ผู้รับหน้าที่ CEO ของ Anchor เล่าว่าปัญหาในเวลานั้นคือการวิจัย ทำให้ไม่ทราบว่าไมโครโฟนรุ่นไหนดีที่สุด และวิธีแก้ไขเสียงในไฟล์ต้องทำอย่างไร รวมถึงอีกหลายกระบวนการที่ทั้ง 2 คนไม่เคยทำมาก่อน นอกจากนี้ยังมีปัญหาแบกรับต้นทุนทำ พอดคาสต์ เช่น ค่าเช่าเซิร์ฟเวอร์เก็บไฟล์เสียง รวมถึงการส่ง RSS ฟีดไปในวงกว้าง ทั้งหมดนี้ทำให้ทั้ง Mignano และ Zicherman รู้สึกสับสนเหลือเกินในเวลานั้น

Zicherman ผู้รับหน้าที่เป็น CTO ของ Anchor จึงเปลี่ยนความคับข้องใจเป็นโอกาส ด้วยความคิดว่าหากทั้งคู่ต้องลำบากมากเพียงใรในการทำพอดคาสต์ นัก Podcaster มือสมัครเล่นรายอื่นก็อาจเผชิญกับความลำบากนี้เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงสร้าง Anchor ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้สร้างสามารถบันทึก แก้ไข และอัปโหลดเนื้อหาของทุกคนได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

ในช่วงเริ่มแรก พอดแคสต์ที่สร้างบน Anchor จะถูกเปิดได้เฉพาะบน Anchor เท่านั้น แต่ทั้ง Mignano และ Zicherman รู้ดีว่าต้องขยายตลาดให้กว้างกว่านี้ ซึ่งหากนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2016 บริการ Anchor เป็นเบื้องหลังของพอดคาสต์มากกว่า 15% ในตลาดรวม ทำให้ Anchor เพิ่มจำนวนพอดแคสต์ที่สร้างรายได้จากการโฆษณาเป็น 3 เท่าตั้งแต่เปิดตัวโครงการ Anchor Sponsorships เพื่อดึงดูดแบรนด์ในปีที่ผ่านมา

ร่วมกับยักษ์ใหญ่ดีกว่า

Nir Zicherman บอกว่า pain point ใหญ่ที่สุดที่ Anchor เจอคือเสียงตอบรับจากผู้คนมากมายว่า Anchor เป็นบริการที่ฟังง่ายและสนุก แต่ความจริงก็คือไม่มีใครฟังพอดคาสต์บน Anchor เพราะผู้ฟังมักเลือกพอดคาสต์จากบริการของ Apple, Spotify, Google Play และ Stitcher ดังนั้น การเลือกข้าง Spotify จะช่วยให้ Anchor เข้าถึงผู้ฟังได้เร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ความใจกว้างของ Spotify คือการเปิดให้ Anchor แก้ไข pain point นี้ต่อไป เพื่อให้ผู้ฟังที่ต้องการเข้าถึงพอดคาสต์ที่สนใจได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ซึ่งที่ผ่านมา ความสำเร็จของ Anchor ในการดึงดูดผู้สร้างพอดคาสต์มือสมัครเล่นจำนวนมากคือสิ่งที่ทำให้ Spotify สนใจซื้อ Anchor ในราคา 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย Anchor ทำให้พอดแคสต์กระจายไปสู่กลุ่มเป้าหมายยุคใหม่ได้อย่างกว้างขวาง นำไปสู่การค้นหาผู้ชมกลุ่มใหม่และสร้างรายได้ในที่สุด

โมเดลธุรกิจที่ Mignano คิดไว้ให้ Anchor นั้นคล้ายกับ YouTube โดยหากนักทำพอดคาสต์รายใดมียอดดาวน์โหลดเกิน 50,000 ครั้งต่อตอน นักทำพอดคาสต์นั้นก็จะดึงดูดความสนใจจากแบรนด์ได้ เนื่องจากแบรนด์เหล่านี้จะพิจารณาจากชาร์ตยอดนิยม ก่อนจะเลือก “พอดแคสต์ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร” แล้วจึงติดต่อนักพอดคาสต์รายนั้นแบบตัวต่อตัว ซึ่งจะต้องมีกระบวนการตกลงกันเพื่อชำระเงินต่อไป

กระบวนการยุ่งยากเหล่านี้ทำให้ Anchor เปิดตัวแพลตฟอร์มสร้างรายได้จาก Anchor Sponsorships ซึ่งเปิดให้แบรนด์และครีเอเตอร์ผู้สร้างพอดแคสต์สามารถรับและจ่ายเงินผ่านทางแอปหรือเว็บไซต์ของ Anchor โดยที่มีฟีเจอร์ Listener Support ให้ผู้ฟังรายย่อยสามารถบริจาคเงินให้กับผู้สร้างได้ด้วย ตามสไตล์ฟังก์ชั่นให้ทิปแบบพื้นฐานของการสร้างรายได้จากพอดคาสต์ และคอนเทนต์ทั่วไป แต่ความต่างคือโฟกัสหลักที่ Zicherman ระบุว่าต้องการช่วยให้ผู้สร้างพอดคาสต์ที่ขยันแต่ไม่ได้มีผู้ฟังจำนวนมาก ซึ่งหลายกรณีผู้ชมของครีเอเตอร์กลุ่มนี้มีส่วนร่วมสูงมาก และมีความสนใจในหัวข้อเฉพาะทาง ซึ่งจะดึงดูดแบรนด์เล็กได้

อีกแนวคิดของผู้ก่อตั้ง Anchor ที่ครบรอบด้านแบบไม่ธรรมดา คือความเชื่อว่าบริษัทสามารถช่วยครีเอเตอร์ทุกระดับให้สร้างรายได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้ผู้โฆษณาได้รับประโยชน์มากขึ้น แถมยังสามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างแท้จริงและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ Anchor Sponsorships จะมีส่วนสนับสนุนให้ Anchor ก้าวได้ไกลขึ้นบนเส้นทางนี้ด้วย

ที่มา: : FastCompany