Animoji คืออิโมจิใหม่ที่ Apple บอกว่าเป็นการเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับอิโมจิธรรมดา แน่นอนว่า AR ที่เป็นเบื้องหลังคุณสมบัตินี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะสินค้าของ Apple แต่ทุกแบรนด์สามารถใช้คุณสมบัตินี้ของ Apple ได้ ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มตลาดวัยรุ่นได้อีกทาง
ในงานเปิดตัวสินค้าใหม่ของ Apple เมื่อ 12 กันยายนที่ผ่านมา Animoji ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสีสันของงาน เพราะสามารถเรียกเสียงฮาได้โดยเฉพาะเมื่อผู้บริหารแอปเปิลใช้ใบหน้าตัวเองสาธิต Animoji รูปยูนิคอร์นพร้อมทำปาก “บรื๋อออออออ” เหมือนที่ม้าขยับปาก รวมถึงรูปอุนจิที่อ้าปากค้างได้อย่างเฮฮา
หากจะให้อธิบาย Animoji เป็นผลจากการทำงานของกล้องหน้าใน iPhone X (กล้องหน้า iPhone X มีชื่อเรียกทางการว่า TrueDepth) กล้องจะทำงานร่วมกับชิป A11 Bionic เพื่อบันทึกและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่แตกต่างกันกว่า 50 รูปแบบ แล้วจำลองการแสดงออกทางใบหน้าเหล่านั้นบน Animoji ที่เคลื่อนไหวได้ 12 แบบ
ผลคืออิโมจิรูปแพนด้า ยูนิคอร์น น้องหมา พี่แมว และหุ่นยนต์ต่างๆ จะขยับไปมาได้ตามใบหน้า ชาว iPhone X สามารถบันทึกและส่งข้อความ Animoji ด้วยแอพ iMessage ที่ติดตั้งมาให้แล้วบนเครื่อง โดยใช้เสียงของตัวเอง ยิ้ม ขมวดคิ้ว และทำสีหน้าท่าทางเพิ่มชีวิตให้อิโมจิได้อย่างสนุกสนาน
https://youtu.be/F-N1CLArUUQ
การสาธิตนี้ทำให้หลายสื่อฟังธงว่า Animoji จะเป็นอีกคุณสมบัติที่ทำให้ผู้บริโภคทั่วไปมีความสุขสนุกสนานกับการขยับใบหน้าตัวเองเพื่อขยับอิโมจิ ความคุ้นเคยใน Animoji จะทำให้ AR ไม่ถูกจำกัดเฉพาะในธุรกิจเกมอีกต่อไป และจะนำไปสู่การตอกย้ำความน่าสนใจของสติกเกอร์การตลาดที่ใช้ใบหน้าของลูกค้า เป็นตัวสร้างสีสันในสติกเกอร์ต่างๆ
Animoji จึงเป็นอีกทางเลือกที่ Apple ส่งมาตอบ Snapchat Lens, Instagram Face Filter และ Facebook Camera จุดนี้ไม่แน่ชัดว่า Animoji สามารถส่งต่อถึง social platform อื่นหรือไม่ แต่เชื่อว่าหากได้รับความนิยม นักพัฒนาก็จะหาวิธีส่งอิโมจิเหล่านี้ออกไปได้ในที่สุด
ถึงวันนั้น AR หรือ Augmented reality mobile content ก็จะสามารถมอบประสบการณ์เสมือนและเฉพาะตัวให้กับลูกค้าทั้งในอุตสาหกรรมค้าปลีก กีฬา และความบันเทิง ซึ่งวงการโฆษณาก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน
ที่มา: Adweek