น้อยจนน่าตกใจเหลือเกินเมื่อการสำรวจล่าสุดพบว่า 2% ของผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นระดับท็อปสำหรับ iPhone ในสหรัฐฯ เท่านั้นที่เป็นผู้สร้างหน้าใหม่ ขณะที่บนร้าน Google Store ของ Android นั้นมีเพียง 3% สถิตินี้สามารถบอกใบ้นักพัฒนาหน้าใหม่ให้รู้ว่าการเจาะตลาดสหรัฐฯ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
การสำรวจของบริษัท Distimo พบว่าในประเทศอื่นๆ สัดส่วนนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นหน้าใหม่ที่ประสบความสำเร็จนั้นกลับสูงกว่าสหรัฐฯ โดยสถิติปัจจุบันอยู่ที่ 6% ทั้งบนร้าน Google Play และร้าน App Store สำหรับ iPhone
Distimo พบว่ารายได้ที่นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPhone หน้าใหม่ได้รับจากการขายแอพฯ นั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.25% ของรายได้รวมที่แอพพลิเคชันยอดนิยมท็อป 250 ทำได้ (ในตลาดสหรัฐฯ) ขณะที่นักพัฒนาแอพฯ Android รายใหม่รับเงินไปราว 1.2% จากร้าน Google Play
ข้อมูลเหล่านี้ฉายภาพว่า นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นหน้าใหม่จะมีโอกาสดีกว่าบนร้าน Google Play โดยทั้งหมดนี้ Distimo ระบุว่าเป็นทิศทางการเติบโตของร้าน iOS App Store และ Google Play ในช่วงตุลาคม 2012 ถึงมกราคม 2013 เท่านั้น
Distimo ขยายความลึกลงไปในกลุ่มแอพพลิเคชันใหม่ พบว่า 10 แอพพลิเคชั่นใหม่ที่มียอดดาวน์โหลดทะลุหลัก 1 ล้านครั้งส่วนใหญ่เป็นของแบรนด์ดังที่หลายคนรู้จักกันดี ได้แก่ แอพพลิเคชั่นอย่าง Temple Run 2, Google Maps และ LINE POP ยังมี Disney Where?s My Valentine? ของ Disney รวมถึง Facebook Poke
ยังมีแอพพลิเคชันอย่าง Angelina’s?Valentine, HERE Maps , The Blockheads ของ Majic Jungle Software (นักพัฒนาหน้าใหม่ตัวจริง) รวมถึงแอพพลิเคชัน Zombiewood และ Heroes of Order & Chaos ของ Gameloft
เช่นเดียวกัน แอพพลิเคชั่นที่สามารถทำรายได้ทะลุหลัก 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็ล้วนเป็นแอพพลิเคชันชื่อดังอย่าง Angry Birds Star Wars ซึ่งทำสถิติรายได้ทะลุ 1 ล้านเหรียญในสัปดาห์เดียว เช่นเดียวกับ Grand Theft Auto: Vice City และ Temple Run 2 จุดนี้ข้อมูลระบุว่า 8 ใน 10 เป็นแอพพลิเคชั่นที่เก็บค่าบริการดาวน์โหลด อีก 2 แอพพลิเคชั่นให้บริการฟรีพร้อมส่วนจำหน่าย in-app purchase
ที่มา: TechCrunch