ตามที่คาดเดากันได้ตามรอบการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ล่าสุด ทางบริษัทได้เปิดตัว iPad Air 2 โดยหลักๆ ก็มีขนาดหน้าจอ 9.7 นิ้ว บางลง-เร็วขึ้น-แรงขึ้น และมาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ $499 หรือราว 16,200 บาท ในเวลาเดียวกันก็ได้เปิดตัว iPad mini 3 มาด้วย หลักๆ ก็มีขนาดหน้าจอ 7.9 นิ้ว ในรายงานของ Macthai.com ได้รวบรวมสเป็คไว้ดังต่อไปนี้ครับ
สรุป Spec โดยรวมของ iPad Air 2 มีดังนี้
- ความหนาเพียง 6.1 นิ้ว นั่นคือมีความบางกว่าเดิมถึง 18% เลยทีเดียว (iPad Air มีความหนา 0.3 นิ้ว หรือประมาณ 7.5 มิลลิเมตร)
- หน้าจอยังคงมีขนาด 9.7 นิ้ว
- หน้าจอมีการปรับปรุงสามารถลดการสะท้อนแสงได้ดีขึ้นถึง 56%
- ปุ่ม Home เป็น Touch ID รองรับการอ่านลายนิ้วมือ
- ชิปประมวลผล Apple A8X ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 40% (iPad Air ใช้ชิปประมวลผล Apple A7 64 bit)
- ตัวกล้องหลัง iSight มีขนาด 8.0 MP 1080P มาพร้อมกับการถ่าย Video แบบ Slo-mo 240 fps ส่วนกล้องหน้า Facetime HD Camera ได้รับการปรับปรุงด้วยเช่นกัน (iPad Air มีกล้องหน้า Facetime HD Camera ขนาด 1.2 MP 720P ส่วนกล้องหลัง iSight มีขนาด 5.0 MP)
- แบตอึดขึ้นสามารถใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
ส่วนราคาของ iPad Air 2 ที่หลายคนตั้งตารอคอยนั้นเริ่มต้นที่ $499 (ราว 16,200 บาท) สำหรับรุ่น Wifi only และ $629 (ราว 20,400 บาท) สำหรับรุ่น Wifi+Cellular ส่วน iPad Air 2 รุ่นเก่าลดราคาลงโดยเริ่มต้นที่ $399 (ราว 12,900 บาท) สำหรับรุ่น Wifi Only สรุปราคาทั้งหมดได้ดังนี้
$499 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi Only) ความจุ 16 GB
$599 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi Only) ความจุ 64 GB
$699 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi Only) ความจุ 128 GB
$629 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi + Cellular) ความจุ 16 GB
$729 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi + Cellular) ความจุ 64 GB
$829 สำหรับ iPad Air 2 (Wifi + Cellular) ความจุ 128 GB
ส่วน iPad mini 3
สรุป Spec โดยรวมของ iPad mini 3 มีดังนี้
- ขนาดของตัวเครื่องกว้างยาวอยู่ที่ 5.3×7.87 นิ้ว หรือประมาณ 134.7×200 มิลลิเมตร เท่ากับ iPad mini 2
- ความหนาของ iPad mini มีความหนา 0.3 นิ้วหรือประมาณ 7.5 มิลลิเมตร เท่ากับ iPad mini 2
- น้ำหนักของ iPad mini 3 รุ่น Wifi Only อยู่ที่ 0.73 ปอนด์หรือประมาณ 331 กรัม ส่่วนรุ่น Wifi+Cellular มีน้ำหนัก 0.752 ปอนด์หรือประมาณ 341 กรัม ซึ่งเท่ากับ iPad mini 2
- หน้าจอยังคงมีขนาด 7.9 นิ้ว
- หน้าจอมีการปรับปรุงสามารถลดการสะท้อนแสงได้ดีขึ้นถึง 56%
- ปุ่ม Home เป็น Touch ID รองรับการอ่านลายนิ้วมือ
- Resolution ของ iPad mini 3 มี Resolution เท่ากับ 2,048 x 1,536 (326 ppi) เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
- ชิปประมวลผล Apple A7 ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 40% (iPad mini 2 ใช้ชิปประมวลผล Apple A7 64 bit)
- ตัวกล้องของ iPad mini 3 มีกล้องหน้า Facetime HD Camera ขนาด 1.2 MP 720P ส่วนกล้องหลัง iSight มีขนาด 5.0 MP 1080p video
- แบตอึดขึ้นสามารถใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง
- มาพร้อมกับ iOS 8
นอกจากการเปิดตัวฮาร์ดแวร์ 2 ตัวนี้แล้ว ทาง Apple ยังเปิดตัว iMac with Retina 5K display (จอ 27 นิ้ว และชัดมากๆ), Mac mini รุ่นใหม่, iCloud Drive ออกมาอีกด้วยครับ ใครเป็นสาวก Mac แล้วอยากอัปเกรดเครื่องเก่าๆ มารุ่นใหม่ๆ ก็ถึงเวลาล่ะครับ ออกมาช่วงนี้ก็คงคาดหวังกับการขายช่วงปลายปี – ต้นปี 2015 อย่างชัดเจน ในแง่ธุรกิจ ตัวเลขไตรมาสที่ 4 และไตรมาสที่ 1 ของ Apple ก็คงดีขึ้นมาไม่มากก็น้อยล่ะครับ ก่อนหน้านี้ก็เปิดตัว iPhone 6, iPhone 6 plus มาแล้ว
เท่าที่ดูคราวนี้ ผมรู้สึกกระแสการเปิดตัว iPad อาจจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่เท่ากับ iPhone แต่ก็คาดว่าน่าจะได้รับความสนใจจากผู้บริโภคตามสมควร แม้ว่าจะถึงวันที่นวัตกรรมของ Apple เริ่มช้าลงแล้วก็ตาม