รายงานผลประกอบการจาก Verizon ระบุว่ายอดจำหน่าย iPhone ลดลง 24% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ส่วน AT&T มียอดขาย iPhone ทั้งหมด 4.3 ล้านเครื่อง ลดลง 43% ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Apple ลดลง
ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปีจะลดลงเป็นปกติ เนื่องจากเพิ่งผ่านเทศกาลลดราคาใหญ่ของปี แต่คาดว่ายอดขายที่ลดลงคราวนี้จะเกินความคาดหมาย ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Apple ร่วงลง
นักวิเคราะห์เชื่อว่ายอดขายจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีน จะแข็งแกร่งและสามารถชดเชยยอดขายที่ลดลงในสหรัฐได้ โดย Apple จะแถลงรายงานผลประกอบการในคืนนี้ เวลาบ่าย 4โมงเย็น ตามเวลา New York หรือตรงกับตี 3 คืนนี้ของเมืองไทย
ตัวเลขยอดขายของ iPhone จาก AT&T และ Verizon อาจดูไม่สวยนัก แต่ถ้าลองดูข้อมูลกันให้ลึกอีกสักหน่อย จะพบว่า ?AT&T มียอดขายโทรศัพท์ทั้งหมดอยู่ที่ 5.5 ล้านเครื่อง โดย iPhone มีส่วนแบ่งคิดเป็น 78% ของยอดขายทั้งหมด และ Verizon ก็มียอดขาย?iPhone เป็นอันดับ 1 ด้วยยอดขายที่มากกว่า 50%?
นักวิเคราะห์มองว่า ยอดขายของ iPhone?คือข้อมูลที่สำคัญที่สุด และหากผลประกอบการที่ประกาศต่ำกว่าการคาดการณ์ จะทำให้ราคาหุ้นของ Apple ร่วงลงอีก?โดยมีเป้าหมายรวมดังนี้
- iPhone 32 ล้านเครื่อง
- iPad 12-13 ล้านเครื่อง
- Mac 4 ล้านเครื่อง
- รายได้รวม?3.66 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
เราได้อะไรจากข่าวนี้
แม้ว่า iPhone จะยังได้รับความนิยมอย่างสูง แต่ยอดขายในสหรัฐที่เริ่มลดลง ถือเป็นการส่งสัญญาณที่น่าเป็นห่วงสำหรับ Apple นอกจากนี้ ยอดจำหน่ายโทรศัพท์ Android ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ก็มีส่วนในการแย่งส่วนแบ่งตลาดของ iPhone อีกด้วย
ปัจจุบัน iPhone เป็นสินค้าที่มีความโดดเด่น และทำรายได้สูงสุดให้กับ Apple แต่การพึ่งพาสินค้าเพียงชนิดเดียวก็จะเกิดผลเสียกับบริษัทได้ ดังนั้น Apple ควรต้องพัฒนาสินค้าใหม่ๆ นอกเหนือจาก iPhone และ iPad เพื่อมาเป็น Killer product ตัวใหม่ของบริษัท
ที่มา?businessinsider.com