ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่ AT&T จะเทเงินควบรวมกิจการกับ Time Warner ด้วยมูลค่า 8.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้นจะมีผลต่อรูปแบบการเผยแพร่และรับชมคอนเทนต์ทางทีวีของชาวอเมริกันอย่างชัดเจน แต่ดีลมูลค่ามหาศาลนี้จะส่งผลถึงวงการโฆษณาโดยตรงด้วย แถมนักวิเคราะห์ยังฟังธงว่าผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นในเร็ววัน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โลกตกตะลึงกับข่าวโอเปอเรเตอร์อันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกาอย่าง AT&T ที่ประกาศซื้อบริษัท Time Warner มูลค่า 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 3 ล้านล้านบาท โดยซีอีโอทั้ง 2 บริษัทร่วมกันแถลงถึงแนวคิดการดำเนินงานหลังการควบรวมว่า ได้วางเป้าหมายไว้ที่การทำเงินผ่านธุรกิจโฆษณา และการตอบความต้องการที่กำลังเกิดขึ้นหลังจาก AT&T ลงทุนในระบบรับส่งข้อมูลไร้สายเทคโนโลยี 5G ที่กำลังเกิดขึ้น
ต้นตอของดีลนี้เกิดขึ้นเพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป วันนี้นานาคอนเทนต์ของ Time Warner ถูกชมผ่านอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งรายการเด่นของ HBO อย่างซีรียส์ “Game of Thrones” และผลงานโบแดงของสถานี TBS อย่าง “Full Frontal with Samantha Bee”
สื่อการตลาดต่างประเทศวิเคราะห์ว่า การรวมเอาข้อมูลจากบริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ เข้ากับความรู้ความชำนาญของนักสร้างสรรค์รายการโทรทัศน์ จะยกระดับการกำหนดกลุ่มเป้าหมายโฆษณาบนคอนเทนต์ของ Time Warner แน่นอน โดยดีลจะครอบคลุมถึงผลงานของสตูดิโออย่าง Warner Bros. ผู้สร้างภาพยนตร์ Harry Potter และผลงานของ DC Comics อย่าง “Suicide Squad” ด้วย
เรื่องนี้ซีอีโอ Time Warner อย่าง Jeff Bewkes การันตีว่าการโผไปซบอก AT&T จะทำให้ Time Warner รับมือกับพฤติกรรมการชมของคนยุคไอทีได้ดีขึ้น และจะทำให้เกิดเป็นนวัตกรรมทางการโฆษณาที่เหนือกว่า โดยใช้ทั้งคำว่า ”more innovation” และ “more effective” เพื่อยืนยันว่าโฆษณาจะไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะถูกส่งถึงคนที่สนใจสินค้านั้นจริง ๆ
Randall Stephenson ซีอีโอ AT&T ใช้คำว่า “addressable advertising” เพื่อบอกว่าโฆษณาที่จะนำมาใช้กับคอนเทนต์ของ Time Warner จะเป็นโฆษณาที่รู้ว่าควรส่งให้ใคร ขณะเดียวกันก็ใช้คำว่า “better tailor content” เพื่อสะท้อนความสอดคล้องกับคอนเทนต์สำหรับผู้ชมแต่ละคน
“ด้วยคอนเทนต์ยอดเยี่ยม ทำให้เราสามารถสร้างบริการวิดีโอที่มีความแตกต่างจากตลาด ไม่ว่าบริการนั้นจะให้บริการบนทีวีดั้งเดิม อุปกรณ์ OTT หรืออุปกรณ์ mobile” ซีอีโอ AT&T ระบุ “เราเชื่อว่าโมเดลนี้จะทำให้เราได้ชัยชนะแน่นอน”
ที่มา: Advertising Age