โซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter หรือ Youtube ต่างก็สร้างพลัง Awareness หลักล้านได้อย่างสบายๆ แต่ Awareness เยอะแค่ไหน หากไม่กลับมาเป็นยอดขาย ก็ค่อนข้างจะเสียเปล่า วันนี้เราอยากให้ระวังเกี่ยวกับการที่นักการตลาดโฟกัส Awareness มากเกินไปจนลืมยอดขายที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ
การรับรู้ไม่เท่ากับการซื้อ
การรับรู้ในแต่ละแพลตฟอร์มถึงแม้วินาทีที่คนจะเห็นเนื้อหาต่างกัน แต่ก็เป็นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นถึงจะนับเป็นยอด View หรือ Reach ซึ่งการรับรู้เพียงไม่กี่วินาทีนั้น จะพูดว่าเห็นหรือรู้จักแบรนด์ของเราเลยก็คงไม่ได้ เพราะไม่กี่วินาทีก็ถือว่าวัดผลยากพอสมควร
ฉะนั้นการที่แบรนด์มียอด View หรือ Reach สูงๆ ก็ยังไม่ถูกนับว่าเป็นการรู้จักจนซื้อสินค้าได้ เพียงแค่มีโอกาสและแนวโน้มที่จะรับรู้แบรนด์ของเราเท่านั้น
รับรู้แล้วทำยังไงให้สนใจ
เมื่อรับรู้สินค้าแล้วขั้นตอนถัดมาคือการทำยังไงให้ลูกค้าสนใจแบรนด์เรา ถือว่าเป็นขั้นของการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ ในขั้นแรกเลย สมมุติว่าลูกค้ารู้จักเราผ่าน Ads ที่แสดงผลขึ้นมาและเขากดติดตามเพจแล้ว จากนั้นจะทำยังไงให้เขาซื้อสินค้า ซึ่ง Tools ต่างๆ ก็มีให้เลือกมากมาย เช่น Messenger Ads หรือ Google Ads ที่ปกติจะยิงไปหาผู้ติดตามเพจ (เพราะอยู่ในขั้นสนใจ)
หรือจะเป็นเทคนิค E-mail Marketing วิธีเบื้องต้นที่ใช้ได้ผลสำหรับธุรกิจแนว E-Commerce ก็ได้ ขึ้นอยู่กับ Consumer Journey ที่แต่ละแบรนด์ได้ทำการรีเสิร์ชมาว่าพวกเขามีพฤติกรรมอย่างไร
สนใจยังไงให้ซื้อสินค้า
เมื่อลูกค้าให้ความสนใจที่จะซื้อสินค้าผ่านการโปรโมทต่างๆ ในข้อก่อนหน้าแล้ว การจะดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าซ้ำส่วนใหญ่จะตัดสินใจในเรื่องของราคาซะมากกว่า ยิ่งเศรษฐกิจตอนนี้ การลดราคาถือเป็นปัจจัยแรกๆ ที่ทำให้ลูกค้ายินยอมที่จะจ่าย
คำว่า “ราคา” นี้ไม่ได้หมายถึงการลดราคาให้ต่ำลงเสมอไป แต่เป็นความคุ้มค่าที่ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้รับกลับมามากกว่าครั้งแรกที่ซื้อ เช่น ซื้อสองชิ้นแถมฟรีแก้วเซรามิค หรือลดราคาลงตามโปรโมชั่นดังในเทศกาลต่างๆ เช่น เทศกาล 09.09 ลูกค้าจะได้รับความพิเศษจากการซื้อสินค้าเพียงวันเดียวเท่านั้นก็ได้
ซื้อแล้วทำไงให้ซื้ออีกรอบ
การจะซื้ออีกรอบถือเป็นความท้าทายที่นักการตลาดต้องเจอตลอดเวลา ซึ่งวิธีที่แบรนด์ส่วนใหญ่ทำในตอนนี้คือการให้ส่วนลดสำหรับซื้อครั้งถัดไป หรือส่วนลดการทำกิจกรรมในเครือธุรกิจ หรือเก็บแต้มสะสมเพื่อรับสิทธิพิเศษเมื่อครบกำหนด
ทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมการซื้อซ้ำที่ได้ผล หรือหากจัดแคมเปญจะเป็นการซื้อคู่ถูกกว่าก็ได้ เพราะถือว่าเป็นการซื้อสินค้าสองชิ้นไม่ต่างกันแค่ต่างวาระ เป้าหมายส่วนใหญ่ของแคมเปญก็คือสร้างยอดขายและกำไรอยู่แล้ว
ทิ้งท้าย
แน่นอนว่า Awareness ที่สูงก็แลกมากับเม็ดเงินที่สูงตาม การจะหมุนเวียนให้กลับมาเป็นยอดขายที่ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เสียไปกับโซเชียลมีเดียต่างๆ ถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ในตอนนี้ หลายแบรนด์จึงเลือกสร้างช่องทางของตัวเองให้มีพลังมากพอที่จะไม่ต้องพึ่งพามีเดียอื่นมากจนเกินไป
แต่หากเป็นสินค้าในเครือ FMCG ที่ต้องโปรโมททั้งออนไลน์และออฟไลน์ทั่วประเทศ ก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ยากอยู่ แต่ทุกๆ กิจกรรมต้องถูกวัดผลได้เพื่อให้คิดถึงความ Effective สำหรับมีเดียที่ลงไปเสมอ
Macbook โน๊ตบุ๊คที่ลงตัวทั้งพกพาและการทำงาน คลิกเลย