ค่าเงินทั่วโลกอ่อนค่า 1 ดอลลาร์เท่ากับ 37.21 บาทอ่อนสุดในรอบ 16 ปี และค่าเงินยูโรอ่อนสุดในรอบ 20 ปี
หลังจากนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด แถลงหลังจากผลการประชุมของคณะกรรมการเฟดออกมาเห็นชอบให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75 % ต่อเนื่องเป็นครั้งที่สามของปีนี้
ผลการขึ้นดอกเบี้ยอัตรา 0.75% ดังกล่าวเป็นไปตามความคาดหมายของตลาด และตรงตามกับที่เฟดส่งสัญญาณมาหลายครั้งว่าจะยังเดินหน้า “ทำต่อ” ในการต่อสู้กับเงินเฟ้อเพื่อจะฉุดลงให้ได้ หลังจากทะยานขึ้นไปสูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ
ประธานเฟดกล่าวถึงการคาดการณ์ผลกระทบหรือ “ความเจ็บปวด” จากกการขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องด้วยอัตรานี้ว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอยู่ในสภาพคืบคลาน ส่วนตัวเลขคนว่างงานจะสูงขึ้น พร้อมกับตลาดบ้านที่จะดิ่งลง ซึ่งตลาดบ้านเป็นปัจจัยเรื้อรังหนึ่งที่ผลักดันอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้เข้าที่เข้าทาง
นโยบายของเฟดตอนนี้ ถือว่าใช้ยาแรงที่สุดนับจากปี 2008 ที่เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ หรือวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ทำให้อัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 3.00%-3.25% และแสดงให้เห็นว่า ดอกเบี้ยจะขึ้นจากระดับเฉลี่ย 4.25%-4.50% ในสิ้นปีนี้ เป็น 4.50%-4.75% ในสิ้นปีหน้า
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เผยว่า สถานการณ์ของเงินบาทอ่อนค่า เป็นผลมาจากดอลลาร์ที่แข็งค่าเร็วเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ราคาวัตถุดิบ และต้นทุนสินค้านำเข้า จึงเป็นปัจจัยที่กระทรวงการคลังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทุกระดับ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับและต้องติดตามในระดับสูง รวมถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศ