เป็นสัญญาณวิกฤติที่น่าจับตาสำหรับ Baidu ที่หลุดออกจากทำเนียบบริษัทอินเทอร์เน็ตจีนที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก หลังจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดลดลงต่ำกว่าบริษัทผู้บุกเบิกเกมและอีคอมเมิร์ซแดนมังกรอย่าง NetEase เบ็ดเสร็จแล้วหุ้น Baidu ร่วง 40% ตลอดช่วง 8 เดือนของปีนี้ สวนทางกับหุ้นของหลายบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลาเดียวกัน
จุดเปลี่ยนของ Baidu เห็นชัดเมื่อมูลค่าหุ้นร่วงจนมาอยู่ที่ 33,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่านี้ต่ำกว่า 33,500 ล้านดอลลาร์ที่ NetEase มีผลงานโดดเด่นในธุรกิจเกมจนทำให้หุ้นเพิ่มขึ้น 11.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีบริษัทจีนดาวรุ่งด้านจัดส่งอาหารอย่าง Meituan-Dianping ที่มูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น 45% ในปีนี้ รวมมูลค่าตลาด 46,700 ล้านเหรียญสหรัฐ
Top 2 ยังคงเดิม
Baidu ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดถึงมูลค่าหุ้นที่หล่นฮวบ ภาวะวิกฤติของ Baidu เกิดขึ้นในช่วงที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba Group และ Tencent Holdings ยังครองตำแหน่ง Top ของตลาด ผลจากประชากรอินเทอร์เน็ตของจีนจับจ่ายซื้อสินค้า และชำระเงิน รวมถึงชมความบันเทิงผ่านมือถือ ทำให้ Alibaba Group ซึ่งเป็นเจ้าของ South China Morning Post ได้รับความเชื่อมั่นจนทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทดีดตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 421,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้าน Tencent ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านเกมและโซเชียลมีเดียที่รายงานผลกำไรที่ดีกว่าคาดการณ์ ก็มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นและครองอันดับ 2 ที่ระดับ 405,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์มองว่า Baidu ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเสิร์ชเอ็นจิ้นรายใหญ่ของจีนต้องต่อสู้กับภาวะรายได้โฆษณาชะลอตัวเนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการลงทุนในธุรกิจรถขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติยังไม่สร้างผลกำไร ทำให้ Baidu รายงานผลขาดทุนสุทธิรายไตรมาสครั้งแรกที่ 327 ล้านหยวนนับตั้งแต่เสนอขายหุ้น IPO เมื่อปี 2005
วิกฤติเพราะตลาดเปลี่ยน
หลังจากการขาดทุน Robin Li Yanhong เรียกร้องให้พนักงานตื่นตัวและรับมือกับตลาดโฆษณาออนไลน์ที่เปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้ริโภคยุคใหม่ ที่ผ่านมา Baidu มีส่วนแบ่งในตลาดค้นหาข้อมูลในประเทศจีนมากกว่า 70% ซึ่งก้าวกระโดดเต็มที่หลังจากที่ Google ออกจากตลาดไปในปี 2010 แต่รูปแบบการใช้งานอินเทอร์เน็ตของชาวจีนได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด คู่แข่งอย่าง Alibaba และ Tencent จึงขยายตลาดแทนที่ Baidu ได้เพราะผู้ใช้สามารถดูภาพยนตร์ อ่านข่าว ช้อปปิ้งออนไลน์ และสั่งอาหารกลับบ้านโดยไม่ต้องออกไปหา Baidu อย่างเคย
ขณะเดียวกัน Baidu ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่อย่าง Bytedance ซึ่งเป็นเจ้าของแอปวิดีโอสั้นยอดนิยมอย่าง TikTok ซึ่งยืนยันเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่ากำลังเริ่มสร้างเสิร์ชเอนจิ้นของตัวเอง บนเหตุผลว่าเพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากข่าวนี้ คือบริษัท Top 5 บนโลกออนไลน์ของจีนกำลังเปลี่ยนแปลง สะท้อนว่าในประเทศอื่นก็มีโอกาสที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจได้เช่นกัน
ที่มา: : TIA