ธนาคารกรุงเทพ บุกฟินเทค – สตาร์ทอัป จับมือ ‘เนสท์’ พันธมิตรผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการลงทุนสรรหา 8 สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาสจาก 32 ประเทศทั่วโลก เข้าสู่โครงการ ‘Bangkok Bank InnoHub’ แล้วเป็นที่เรียบร้อย โดยจะร่วมทำงานกับธนาคารกรุงเทพ และเนสท์ รวม 12 สัปดาห์ ก่อนขึ้นเวทีวัน Demo Day ในเดือนกันยายน 2560
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของ ‘Bangkok Bank InnoHub’ โครงการที่ธนาคารกรุงเทพได้ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นในการสานต่อนโยบายร่วมเป็นพันธมิตรสนับสนุนการพัฒนาบริษัทสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทค(FinTech : Financial Technology) ที่จะเป็นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและธุรกิจการเงินในอนาคตของไทย รวมถึงความสำคัญต่อการกำหนดกลยุทธ์และแผนงานด้านดิจิทัล ในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ คิดค้นและสร้างสรรค์บริการทางการเงินอย่างเป็นรูปธรรมของธนาคารให้ดียิ่งขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการเงินเข้ามาร่วมสร้างและจัดตั้งทีมฟินเทค ในการวางกลยุทธ์และกำหนดทิศทางธุรกิจในหลายด้านเพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารจะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและพร้อมรับมือกับความท้าทายจากเทคโนโลยีทางการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ ‘เนสท์’ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมการลงทุนชั้นนำระดับโลก ประสบความสำเร็จในการสรรหา 8 สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับเวิลด์คลาส จาก 32 ประเทศทั่วโลก
‘นับเป็นโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสากล ด้วยธนาคารกรุงเทพในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับภูมิภาค และตอกย้ำด้วยจำนวนบริษัทที่สมัครเข้าร่วมโครงการ ทั้งจากยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย เอเชีย รวมถึงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ธนาคารเชื่อว่า Bangkok Bank InnoHub จะสามารถเชื่อมโยงและสนองตอบนโยบายพัฒนาประเทศ 4.0 ของรัฐบาลในการสร้างมูลค่าเพิ่ม และเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจที่เน้นการให้บริการ อีกทั้งมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนและร่วมผลักดันระบบ ecosystem ของประเทศไทย เพื่อมอบโอกาสให้สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคในประเทศได้ขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้กับสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคระดับโลกสามารถสร้างเครือข่าย และความร่วมมือกับชุมชนฟินเทคในประเทศไทยและอาเซียนอีกทางหนึ่ง’
มร. ลอร์เรนซ์ มอร์แกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนสท์ องค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จด้านการจัดโครงการสตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคให้กับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ทั่วโลก เปิดเผยว่า โครงการ Bangkok Bank InnoHub มีจุดเด่นที่เปิดรับสตาร์ทอัพหน้าใหม่ทั้งจากประเทศไทยและทั่วโลก ดังนั้น หลักสูตรอบรมเข้มข้นของ Bangkok Bank InnoHub จึงได้รับการออกแบบบนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมระดับสากล ให้มีความโดดเด่น และมีเอกลักษณ์เฉพาะ อาทิ เมนเทอร์สตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในธุรกิจไทยและทั่วโลกมาเป็นพี่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด ให้คำปรึกษา ช่วยวางกลยุทธ์ และช่วยให้ผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ
โครงการอบรมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน 2560 ซึ่งสตาร์ทอัพทั้ง 8 บริษัทจะได้รับการดูแลและร่วมทำงานกับผู้บริหารมืออาชีพที่มากด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการเงินของธนาคารกรุงเทพ อีกทั้งเครือข่ายและพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง มากด้วยประสบการณ์ และความสำเร็จจากการทำโครงการในลักษณะเดียวกันของเนสท์ให้กับองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก จากนั้นในช่วงปลายเดือนกันยายน 2560 จะเป็นวัน Demo Day ที่เปิดเวทีให้สตาร์ทอัพทั้ง 8 ทีมนำเสนอแผนธุรกิจต่อกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบประเทศอาเซียน รวมถึงธนาคารกรุงเทพ และ บริษัท บัวหลวงเวนเจอร์ส จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจเงินร่วมลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเน้นธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม รวมทั้งบริษัทสตาร์ทอัพ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะก้าวไปสู่การให้คำปรึกษาด้านการระดมเงินทุน และร่วมเป็นพันธมิตร
ดร. พนุกร จันทรประภาพ เจ้าหน้าที่บริหารระดับ Vice President ฝ่ายการลงทุนธุรกิจ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า สตาร์ทอัพกลุ่มฟินเทคที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมอบรมทั้ง 8 ทีม ประกอบด้วย ทีมผู้พัฒนาบริการด้าน Wealth Management 3 แห่ง ได้แก่ Bambu, Bento และ Canopy ประเทศสิงคโปร์ ด้าน Security ได้แก่ Covr Security ประเทศสวีเดน ด้าน Block chain ได้แก่ Everex ประเทศไทย ด้าน Lending ได้แก่ First Circle ประเทศฟิลิปปินส์ ด้าน P2P Invoice Trading ได้แก่ Invoice Interchange ประเทศสิงคโปร์ และด้าน Mutual Fund Investment ได้แก่ FundRadars ประเทศไทย
“ท่ามกลางภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่เปลี่ยนจากปลาใหญ่กินปลาเล็ก มาสู่การเป็นปลาเร็วกินปลาช้าในปัจจุบัน โครงการ Bangkok Bank InnoHub จึงต้องการค้นหา ‘Bluefin’ หรือสุดยอดปลาครีบน้ำเงิน ที่มีทั้งความรวดเร็ว แข็งแรง และเฉลียวฉลาด ซึ่งเราก็ประสบความสำเร็จได้พบกับ 8 บริษัทสุดยอดสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ แข็งแรง และพร้อมจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยหัวใจสำคัญของโครงการนี้จะเน้นที่ ‘การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน’ ซึ่งสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพ ย่อมมีความสามารถในการคิดค้นสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง และโครงการนี้จะช่วยสนับสนุน และปลดล็อคขีดจำกัดทางธุรกิจให้สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ดร. พนุกร กล่าว