นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งแรกของปี 2565 บ้านปู เพาเวอร์ มีกำไรสุทธิ 3,604 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 5,083 ล้านบาท
สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาเสถียรภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมทั้งสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านต้นทุนพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีกระแสเงินสดมั่นคง
ซึ่งบริษัทยังคงมุ่งขยายพอร์ตธุรกิจตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยประสบความสำเร็จในการลงทุนเพิ่มทั้งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศเวียดนาม และธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานในประเทศไทย รวมถึงการเข้าไปดำเนินงานในตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีในสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้บริษัท เมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าในตลาดที่สูงขึ้น บริษัทตั้งเป้าในปี 2568 จะผลิตไฟฟ้าได้ 5,300 เมกะวัตต์
ซึ่งหากดูผลงานในไตรมาส 2/2565 ส่วนหลักเกิดจากการเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ใน สปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย ที่มีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor : EAF) สูงถึง 91 และ 94% ตามลำดับ ทำให้สามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง
นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple I ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Combined Heat and Power : CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน มีปริมาณการขายและราคาขายไอน้ำเพิ่มขึ้น จากความต้องการของลูกค้าอุตสาหกรรมบางส่วนที่ฟื้นตัวกลับมา
สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ในไตรมาส 3 ของปี 2565 คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์น็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ ประเทศเวียดนาม เนื่องจากเสร็จสิ้นกระบวนการซื้อขาย รวมถึงมีโอกาสในการเพิ่มเมกะวัตต์จากการดำเนินธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปตอบสนองนโยบายสนับสนุนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาของรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้งประเทศจีน
ทั้งนี้ บ้านปู เพาเวอร์ ยังคงมุ่งมั่นสร้างการเติบโตในธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานผ่านการลงทุนในบ้านปู เน็กซ์ โดยล่าสุดได้ลงนามความร่วมมือกับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ และดูราเพาเวอร์ สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในไทย ตั้งเป้ากำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ภายในปี 2569“
“ครึ่งปีแรกเราใช้เงินลงทุนไปประมาณ 50 ล้านเหรียญเท่านั้น ยังเหลือเงินอีก 500-600 ล้านเหรียญ ที่เราจะมช้ลงทุนในโครงการใหม่ที่เรากำลังจะปิดดีลเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเงินจำนวนนี้เราต้องใช้ให้หมดภายใน 1-2 ปี เป้าหมายเราคือการไปลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เป็นตลาดไฟเสรี เหมือนที่เราลงทุนในสหรัฐ โดยเรามองโอกาสในทั้ง 8 ประเทศที่เราลงทุนอยู่ อย่างพลังงานทดแทน พลังงานความร้อง ทั้งเวียดนาม ญี่ปุ่น ส่วนในไทยหากอนาคตเปิดให้เอกชนผลิตพลังงานอื่น ๆ ได้เราก็ยินดีพิจารณา”