ธุรกิจอาหารหมาหรือ Barkbox เตรียมลดงบในสื่อออนไลน์ลงแล้ว หลังการปรับ News Feed ของ Facebook อย่างต่อเนื่องนั้น ไม่ได้สร้างประโยชน์ที่ดีในแง่ของการรับรู้และโอกาสในการซื้อขายสินค้า เพราะลดโอกาสเข้าถึงลูกค้าไปมากจึงมองว่าการกลับไปใช้สื่อหลักอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะมีการตอบรับที่ดีและมีโอกาสในการซื้อมากกว่าเดิม
สำหรับ Barkbox ถือว่าเป็นบริการแบบ direct-to-consumer (DTC) ที่ต้องสมัครสมาชิกก่อน เพื่อรับบริการในการซื้อขายผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งกำลังลดงบประมาณในการโฆษณาผ่าน Facebook ลง เพื่อไปใช้บริการใช้จ่ายแบบเดิม
จากรายงานของ Digiday บอกว่า แบรนด์ที่ขายสินค้าประเภท Barkbox ทั้งหลาย ที่เคยเข้าร่วมบริการ DTC ไม่ว่าจะเป็น Brooklinen, Thinx, Roman และ Curology เตรียมประเมิณงบโฆษณาผ่าน Facebook อีกครั้ง หลังการปรับอัลกอริธึ่มบน News Feed ที่จัดอันดับความสำคัญของเนื้อหาของผู้ใช้งานมากกว่าบทความของแบรนด์และโพสต์โฆษณา ทำให้การเสียค่าใช้จ่ายในแคมเปญต่างๆ มากขึ้นแต่ผลตอบรับน้อยลง ซึ่งการทำแบบนี้ของ Facebook ทำให้แบรนด์มองว่าพวกเขาพลาดโอกาสจากกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อในการใช้จ่ายไป
การปรับ News Feed ที่มีผลต่ออัลกอริธึ่มตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะทำให้ผู้ใช้งานได้เห็น Feed ของเพื่อนมากขึ้น แต่กระทบการตัดสินใจใช้จ่ายค่าโฆษณาของแบรนด์
แม้ว่าผลกระทบจาก Cambridge Analytica จะสร้างปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล แต่การปรับกลยุทธ์ใหม่ของ Facebook ก็สร้างปัญหาต่อรายได้ของบริษัทเช่นกัน
นับตั้งแต่ธุรกิจประเภท Barkbox เข้ามาใช้บริการของ Facebook ตั้งแต่ปี 2012 จากที่เคยใช้งบโฆษณาผ่าน Facebook กว่า 75% ก็ลดลงมาเหลือเพียง 25% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเน้นการโฆษณาไปที่สื่อเดิมอย่าง TV, E-mail กิจกรรมส่งเสริมการตลาดและค้าปลีก รวมทั้งเพิ่มการโฆษณาบนวิทยุและสื่อ Out of home (OOH) มากขึ้น
แม้ว่านักการตลาดจะมองว่าการโฆษณาผ่าน TV จะช่วยเรื่องการรับรู้แบรนด์ได้ดีกว่า แต่การสมัครรับข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและการรับรู้ผ่าน Feed บน Facebook ก็ไม่เหมือนเดิม กลายเป็นแนวโน้มที่สวนทางกับการเติบโตของโฆษณาดิจิทัล
ผลสำรวจของ CMO Council ล่าสุดพบว่า 21% ของนักการตลาดกำลังตัดค่าใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มดิจิทัลลง เนื่องจากลองวัดผลจากแคมเปญต่างๆ แล้วไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดิม และนั่นกลายเป็นโอกาสของสื่อ TV ซึ่งหลังจาก Barkbox ได้ทดลองทำการโฆษณาผ่านสื่อหลักแล้ว พบว่า มีการติดตามดีกว่า ซึ่งหลังจากนี้ทาง Digiday เชื่อว่า แบรนด์ต่างๆ จะหันไปใช้สื่อสาธารณะมากขึ้น จากที่มีการใช้งบ 100 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2017 อาจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2018 ก็เป็นได้