ผู้ก่อตั้งและ CEO แห่ง Ookbee ผู้นำด้าน E-Book Platform คุณหมู ณัฐวุฒิได้มาแบ่งปันเรื่องราวความเป็นมาสู่การก่อตั้ง Ookbee ให้เราทราบ เป็นอีกบทความที่ชาว Startup ไม่ควรพลาด
คุณหมู ณัฐวุฒิ เป็นวิศวกรผู้ประสบความสำเร็จกับการสร้าง E-book Platform ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งเร็วๆ นี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก INTOUCH และพึ่งจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับ SCOOP ของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย ?เพื่อค้นหาว่าคุณหมูนั้นได้ผ่านประสบการณ์และเรื่องราวอะไรมาบ้าง กว่าที่จะเป็น Ookbee ในทุกวันนี้ เราได้มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าของธุรกิจหนุ่มท่านนี้ และเขาพร้อมที่จะแบ่งปันเรื่องราวให้ทราบในงาน Echelon Ignite: Thailand 2012? ด้วยเช่นกัน
อะไรทำให้คุณเริ่มต้นทำ Ookbee และมันกำลังเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในไทยอย่างไร
สองปีก่อนเมื่อ tablet (iPad) เครื่องแรกออกมาผมได้คิดว่าถ้าเราสามารถอ่านหนังสือและนิตยสารของไทยบนเครื่องเหล่านี้ได้ก็น่าจะดี เพราะเราไม่ต้องพกพาสิ่งพิมพ์เหล่านี้ไปมา? และอยากให้มันเป็นมากกว่าไม่ใช่แค่เพียงตำราและรูปภาพพื้นๆ แบบเก่าๆ เราได้ทำการสำรวจตลาดและวิเคราะห์โอกาสการสร้างเป็นธุรกิจจากความคิดนี้? ในที่สุดเราก็สร้าง Ookbee ให้กลายเป็นจริง
ในเวลานั้นสิ่งหนึ่งที่เราได้พิจารณาด้วยคือคนไทยเต็มใจใช้จ่ายเงินให้กับ Digital Content โดยเฉพาะ ? E-Magazines ?และ E-Books หรือไม่ โดยพิจารณาจากกรณีการละเมิดลิขสิทธิ์ของภาพยนตร์และเพลง?เราตัดสินใจว่ามีวิธีเดียวที่จะรู้ก็คือต้องลองตลาดด้วยการเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากด้าน Supply และดูว่าสามารถสร้างการขายได้หรือไม่?ภายหลังจากนั้นหลายเดือนโชคดีที่เราพบว่ามีตลาดเพื่อขายสิ่งพิมพ์ดิจิตอลแบบนี้จริงๆ ในไทย? ตั้งแต่นั้นมาฐานผู้บริโภคของเราได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ? ในเวลา 22 เดือนที่ผ่านมามีผู้ใช้มากกว่า 2.5 ล้านคนที่มีประสบการณ์ใหม่ในการบริโภคนิตยสารและหนังสือที่ตนชื่นชอบ
ช่วยแบ่งปันความรู้ให้เราทราบหน่อยว่าก่อนหน้าจะทำ Ookbee คุณหมูทำอะไรมาก่อน
ผมจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมการบินและปริญญาโทวิศวะอุตสาหการ แต่ Programming เป็นเสมือนงานอดิเรกของผมในช่วงเวลานั้น? ย้อนกลับไปปี 2000 หลังจบปริญญาโททันทีผมได้ตั้งบริษัทแรกชื่อ IT WORKS?? ขณะที่กำลังเรียนปริญญาโทผมได้ทำงาน Programming ให้กับบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งในกรุงเทพฯ และได้ทำเงินมากกว่าเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ ความคิดครั้งแรกของผมคือการรับงาน programming ให้กับบริษัทเหล่านี้สามารถเป็นธุรกิจที่ดีจึงได้ตั้งบริษัทแรกดังกล่าว ความจริงมันไม่ราบรื่นอย่างที่คิดครับ และมีบทเรียนมากมายตลอดเส้นทางเลย
อย่างไรก็ตามบริษัทก็เติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้งในช่วงเวลา 12 ปี เรารับงานพัฒนาตามความต้องการของลูกค้า มาถึง Biometric Package Software (ยังเป็นธุรกิจที่ดีจนถึงทุกวันนี้) ต่อมารับงาน Programming Outsource ทางด้าน Mobile ให้กับบริษัทต่างชาติในญี่ปุ่นและสหรัฐ และหน่วยงานเหล่านี้แหละได้แนะนำเราสู่ธุรกิจที่กลายเป็น Ookbee ในทุกวันนี้
ตราบเท่าทุกวันนี้คุณได้พบอะไรบ้างที่ท้าทายและล้มเหลว ?? ทำไมจึงได้เกิดขึ้นและบทเรียนสำคัญที่ได้คืออะไรบ้าง
ต้องโฟกัสและค้นหาสินค้าที่เหมาะกับตลาด ในปีแรกๆ เราพยายามทำทุกวิธีเพื่อให้อยู่รอด มีโครงการที่ใหญ่ขึ้นตามมาเรื่อย ๆ และเราก็ต้องทำเพราะจะนำรายได้เพื่อมาพยุงต่อไปอีกหลายเดือน ปัญหาคือไม่ใช่ทุกสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่เราต้องการทำเสมอไป การรับทำโครงการเหล่านี้ทำให้เราไม่มีเวลาไปทำผลิตภัณฑ์ของเราเอง ในที่สุดเราจำต้องปฏิเสธงานทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องและโฟกัสทำผลิตภัณฑ์ของเราให้สำเร็จ มันเป็นการตัดสินใจที่ลำบากแต่เมื่อคุณสามารถก้าวข้ามผ่านมันได้ ทุกสิ่งก็จะง่ายขึ้น หลังจากที่เรามีผลิตภัณธ์ของตนเองจริงๆ แล้วอัตราการเติบโตก็จะเร็วขึ้นมากและเราก็จะสามารถชั่งน้ำหนักอนาคตของบริษัทได้ถูกต้อง
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้คือคุณต้องให้ใครบางคนออกทันทีเมื่อเขาไม่มีผลงานเพราะจะทำให้วัฒนธรรมของทีมงานเสียหาย สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันเป็นเรื่องง่ายที่รู้กว่าการลงมือทำจริง ผมรู้แต่เก็บไว้นานเกินไป ในที่สุดคุณต้องทำในสิ่งที่คุณต้องทำและมันเป็นงานของเจ้าของธุรกิจที่ต้องทำทุกสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้งานดำเนินต่อไป
จากประสบการณ์ของคุณ กฎทอง 3 ข้อของเจ้าของธุรกิจของคุณเองคืออะไรบ้าง และคุณนำไปใช้กับ Ookbee อย่างไร
จ้างคนเก่งมีความสามารถ และสร้างทีมงานหลักขึ้นมา ? คุณต้องมีทีมงานหลักสักทีมที่คุณสามารถพึ่งพาในการสร้างบางสิ่งที่สามารถเกิดผล เป็นทีมที่สามารถปรับเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพตลาดได้ เป็นความคิดที่ดีที่จะจ้างบุคคลากรที่มีความสามารถแม้นคุณยังไม่รู้ว่าจะบรรจุเข้าไปรับหน้าที่ใดในทีมงานคุณ ใน Ookbee บ่อยครั้งคนดีมีฝีมือที่ได้จ้างไว้ สุดท้ายเขาได้ทำสิ่งที่แตกต่างจากงานที่เราได้จ้างเขาในตอนแรกโดยสิ้นเชิงนะครับ คนเก่งเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งและแน่นอนจะสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ในที่ใดๆ ที่คุณบรรจุพวกเขาเข้าไปได้
ต้องสร้างสรรค์และหาเวลาเพื่อที่จะคิด ? ?แต่มันเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ทำเช่นนั้น? นี่เป็นความคิดที่หลายๆ คนในสังคม Startup คิดอยู่?มันเป็นความจริงที่ว่าถ้าทำแบบนั้นงานก็จะสำเร็จ แต่บางทีมันก็จะทำให้คุณตกอยู่ในฐานะเหมือนกับใครๆ เช่นกัน?การที่จะทำบางสิ่งที่ไม่เหมือนชาวบ้านให้สำเร็จเราจำต้องทำในสิ่งที่แตกต่างกันออกไป หาเวลาอยู่คนเดียวเพื่อคิด เมื่อคุณหมกมุ่นกับการพบปะผู้คน ตอบอีเมล์ พูดคุยทางโทรศัพท์ เดี๋ยวเดียวอีกสัปดาห์ก็ผ่านไปแล้วโดยไม่มีเวลาคิดอย่างจริงจัง ในบางกรณีความคิดใหม่ๆ มาจากการทำหรือพบเห็นบางสิ่งที่แตกต่าง ตัวอย่างเช่น ความคิดสุดยอดของผมบางประการได้มาจากการไปในสถานที่ใหม่ๆ หรือพบปะผู้คนที่มาจากวงการอื่นๆ
ตระหนักว่าสิ่งใดทำให้คุณมีความสุขและจงตั้งมั่นทำมัน ? การเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นเรื่องยาก เรื่องที่ต้องทำมีไม่จบไม่สิ้น มันยังหมายถึงคุณได้ควบคุมสิ่งที่คุณกำลังสร้าง สิ่งที่คุณกำลังทำ คุณเป็นเจ้านายของตัวคุณเองนะครับ ในที่สุดถ้าคุณรู้ว่าอะไรทำให้คุณมีความสุขจงตั้งมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์ทำมันแล้วมันก็จะง่ายขึ้นเอง สร้าง startup ของคุณ ทำสิ่งที่คุณรักและสร้างผลิตภัณฑ์ที่คุณหลงไหล ผมเชื่อว่ามันเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตคุณเลยทีเดียว
สุดท้ายเตรียมพบกับคุณหมู CEO Ookbee ได้ในงาน Ecehlon Ignite Thailand 2012?กับหัวข้อ “Startup culture and ecosystem” งานสัมมนาดีๆ ที่คุณจะได้พบกับผู้ประกอบการและนักลงทุนมากมายในช่วงวันที่? 22 และ 23 พฤจิกายนที่จะถึงนี้