ปี 2018 น่าจะเป็นปีที่ท้าทายไม่น้อยสำหรับธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัล ล่าสุดกลุ่มบริษัทบีอีซีเวิลด์ ได้ออกมาประกาศทิศทางในการสู้ศึกแล้วในงานแถลงข่าว “ก้าวที่มั่นคงของของบีอีซี เวิลด์” ที่มุ่งลงทุนในคอนเทนต์ที่หลากหลาย สนุก พร้อม ๆ กับพัฒนานิวมีเดียเพื่อเพิ่มช่องทางการรับชม คาดเป็นปีที่จะเกิดการแข่งขันเพื่อดึงผู้ชมให้กลับมารับชมรายการของทางช่องมากขึ้นทั้งบนสื่อทีวี และสื่อดิจิทัล
โดยนายประชุม มาลีนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ทุกวันนี้พฤติกรรมการรับชมของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปสู่การรับชมจากหลายช่องทางนอกจากทีวี ซึ่งช่องสามมองว่านี่คือความท้าทาย
โดยทางบีอีซีเวิลด์มีแผนจะเพิ่มอัตราการรับชม และเพิ่มรายได้ โดยยึดผู้ชมเป็นศูนย์กลาง (Customer-Centric) จึงได้มีการสร้างผังรายการที่โดนใจผู้ชม เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา อีกทั้งยังมีทีมการตลาดที่ช่วยให้เข้าใจ insight ของผู้ชมได้ ซึ่งในจุดนี้ นายประชุมกล่าวว่าทำให้การผลิตรายการทำได้ดีมากขึ้น
ขณะที่รายการข่าว ซึ่งเคยเป็นจุดเด่นของทางช่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น คุณประชุมเผยว่าได้มีการปรับรายการเรื่องเล่าเช้านี้ รวมถึงนำเสนอรายการเพิ่มเติมเช่น คลิปข้างศาล ที่มีทนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์เป็นผู้ดำเนินรายการเข้ามาด้วยเช่นกัน
เพิ่มรายได้บนแพลตฟอร์มดิจิทัล
ปัจจุบัน ช่องทางนำเสนอบนแพลตฟอร์มดิจิทัลของกลุ่มบีอีซี เวิลด์นั้นประกอบด้วยแอปพลิเคชัน Channel 3 Live ที่มีผู้ติดตามอยู่ 2.5 ล้านคนต่อเดือน, Mello, YouTube และ Facebook ซึ่งสองช่องทางหลังนี้ยังต้องเจอกับคู่แข่งรายอื่น ๆ อีกมากด้วย
ส่วนเว็บไซต์ www.ch3thailand.com นั้นทางคุณประชุมเผยว่ามีผู้เข้าเยี่ยมชม 300,000 – 400,000 คนต่อวัน
จากสถานการณ์เหล่านี้ คุณประชุมเผยว่า ช่อง 3 จำเป็นต้องมองหา Blue Ocean เพิ่มเติมเนื่องจากสมรภูมิทีวีดิจิทัลยังคงสภาพเป็น Red Ocean ที่แข่งขันกันหนักมาก ซึ่ง Blue Ocean ของช่อง 3 อาจเป็นเรื่องของทัพนักแสดงที่มีมากกว่า 200 ชีวิตนั่นเอง
“ต่อไปนี้ ลักษณะการทำงานแบบพาร์ทเนอร์ชิปจะมีมากขึ้น เช่น อาจมีแพกเกจ หรือนำเสนอในแบบที่ Customized มากขึ้น เพราะ BEC world มีดาราที่มีแฟนคลับมากมาย ซึ่งในจุดนี้สามารถช่วยแบรนด์ในการเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น เช่น อาจมีการจัด Meet & Greet กับศิลปินดาราเป็นต้น”
“ด้านการขยายตลาดไปต่างประเทศก็จะมีมากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจจะเริ่มจากกลุ่ม CLMV ก่อน เพราะมีความคุ้นเคยกับรายการของทางช่องเป็นอย่างดี อาจมีการจัดคอนเสิร์ตช่องสามสัญจร เป็นต้น ซึ่งเรามองว่าการสร้างพันธมิตรจะเป็นการเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืนให้กับกลุ่มบีอีซีเวิลด์ด้วย”
ด้านคุณชาคริต ดิเรกวัฒนชัย หัวหน้าคณะผู้บริหาร สายกิจการองค์กรเผยว่า นอกจากจะมีดารามากกว่า 200 ชีวิตและมีกลยุทธ์ด้านการตลาดแล้ว บีอีซี เวิลด์ยังมีทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์ทั้งในส่วนทีมงานของช่องเอง (ในช่วงที่ผ่านมา ทางช่องได้มีการดึงผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกเข้ามานั่งในระดับบริหารถึง 7 คน) และบรรดาผู้จัดละคร ซึ่งในจุดนี้ทางช่องมองว่าเป็นจุดแข็งอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน
โดยสินค้าของช่องสามในอนาคตจะไม่ใช่แค่การขายเวลาอย่างเดียว แต่อาจนำศิลปินในสังกัดมาร่วมงานด้วย ซึ่งการปรับโครงสร้างนี้ จะทำให้ทางช่องก้าวสู่การเป็นทั้ง Media และ Entertainment ไม่ใช่แค่เป็น Media อย่างเดียวแบบในอดีต
ส่วนในเรื่องของรายได้นั้น คุณประชุมกล่าวว่า ขอให้รอสักระยะ คาดว่าเข้าสู่ช่วงต้นปีหน้า (2018) ไปแล้วจะสามารถเห็นภาพได้ชัดขึ้น