คอมพิวเตอร์ ถือเป็นอวัยวะที่หลายๆ ท่านต้องมีไว้ใช้กันอยู่แทบจะทุกคน และถ้าจะถามว่าปัจจุบันระบบปฏิบัติการอะไรที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด “Microsoft Windows” คงเป็นคำตอบที่หลายท่านทราบกันเป็นอย่างดี และเชื่อว่าผู้ใช้หลายๆ ท่านอาจจะเคยประสบปัญหา คอมพิวเตอร์ช้า ค้าง หรือเปิดโปรแกรมช้า แต่วันนี้เรามีวิธีช่วยเหลือคุณมาแนะนำครับ…
เชื่อว่าอาการเครื่องช้า เครื่องแฮงก์หรือหยุดทำงานเอาดื้อๆ ของคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะเกิดจากการที่ติดไวรัส ฮาร์ดดิสเต็ม แรมไม่พอใช้ ไฟล์ขยะในเครื่องเยอะ ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ต่างก็ต้องเคยเจอกันมาอยู่บ้าง แม้ปัจจุบันจะมีระบบปฏิบัติการที่ทันสมัย และสเปคคอมพิวเตอร์ที่เร็วแรงไปไกลแล้วก็ตาม
เพราะถ้าหากใช้งานเพียงอย่างเดียว แต่ขาดการดูแลเอาใจใส่ ปัญหามากมายก็คงไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าๆ แต่วันนี้ผมจะขอเล่าถึงที่มาของอาการต่างๆ ที่ทำให้คอมฯ ช้า หรือค้าง ที่พบเห็นกันบ่อยๆ พร้อมแนวทางแก้ไข เพื่อลดปัญหาเหล่านั้นด้วยครับ
ติดตั้งโปรแกรมเยอะไปหรือไม่?
แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลจะสามารถทำได้ดีขึ้น บรรจุข้อมูลต่างๆ ได้มากขึ้น แต่เชื่อหรือไม่ครับว่า ยังมีผู้ใช้งานไม่น้อยที่ยังพบปัญหากับคอมพิวเตอร์ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยปัญหาเหล่านั้นมักจะเกิดขึ้นกับคนที่ชอบติดตั้งซอฟต์แวร์ หรือเกมต่างๆ มากจนเกินพอดี นอกจากจะใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลเยอะขึ้นแล้ว โปรแกรมหรือเกมบางตัว ยังมีระบบอัพเดตอัตโนมัติหรือทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งบางครั้งผู้ใช้งานเองก็ไม่สามารถรู้ได้เลย เว้นแต่ว่าต้องมาตรวจสอบกันอย่างจริงจัง บางคนแม้จะไม่ได้ใช้โปรแกรมนั้นๆ แล้ว แต่ก็ไม่เคยลบโปรแกรมนั้นออกไปเลย นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ Start up หรือโปรแกรมเริ่มต้นที่เปิดขึ้นมาพร้อมกับระบบวินโดวส์ ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะถูกสั่งให้ทำงานพร้อมกับระบบเมื่อเปิดเครื่องใช้งาน แถมยังสแตนด์บายให้รอทำงานหรือบางครั้งก็เริ่มทำงานพร้อมกับระบบปฏิบัติการด้วย ก็ไม่น่าแปลกที่ทำไมบางครั้งเราใช้ระยะเวลาในการเปิดเครื่องนานขึ้น หรือเปิดโปรแกรมช้ามากๆ
หน่วยความจำประเภท RAM มีน้อย ไม่พอใช้
เป็นปัญหาสุดคลาสสิค ที่หลายคนที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนมากจะรู้ อาจจะด้วยคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าที่ใช้รองรับแรมได้น้อย หรือไม่มีช่องสำหรับใส่เพิ่ม เมื่อต้องติดตั้งโปรแกรมและใช้งานจริง ก็จะพบกับปัญหามากมาย เพราะโปรแกรมที่ทำงานอยู่ก็ต้องใช้แรมเพิ่มขึ้น เมื่อแรมที่มีอยู่ก็ไม่พอ อาการที่เห็นได้ก็คือ เปิดโปรแกรมช้าลง ทำงานช้าลงและสุดท้ายเมื่อโหลดมากๆ เข้า ก็จะช้า และค้างไปในที่สุด
มีอะไรมาแอบมาแชร์ทรัพยากรเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณอยู่หรือเปล่า?
อีกสาเหตุยอดนิยมที่ทำให้เกิดอาการมากมายกับคอมพิวเตอร์ตัวเก่งของคุณ เรียงหน้ากันมาตั้งแต่ ไวรัส (Virus) ม้าโทรจัน (Trojan Horse) มัลแวร์ (Malware) หรือแอดแวร์ (Adware) ซึ่งล้วนแต่เป็นต้นเหตุที่จะคอยดึงทรัพยากรเครื่องไปใช้อยู่ตลอดเวลา บางตัวก็ใช้ในการรันตัวเองให้ทำงานตามที่ถูกเขียนมา หรืออย่างม้าโทรจันที่เข้ามาแฝง ก็ใช้ทรัพยากรเพื่อเก็บและส่งข้อมูลออกไปแบบลับๆ หรือจะเป็นแอดแวร์ที่จะเปิดหน้าต่างเว็บขึ้นมา เพื่อรบกวนการทำงานของบราวเซอร์อยู่บ่อยครั้ง นอกจากจะทำให้คอมพิวเตอร์ค้าง หรือช้าลงแล้ว และเมื่อไวรัสเริ่มทำงาน แอนตี้ไวรัสก็จะต้องทำงานขึ้นมาเพื่อตรวจจับ ก็จะส่งผลให้คอมพิวเตอร์ยิ่งทำงานหนักขึ้นไปอีกเช่นกัน
ฮาร์ดดิสก์เสีย หรือเสื่อมสภาพ?
สาเหตุนี้เกิดขึ้นได้กับฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) ที่ใช้งานมานาน และฮาร์ดดิสก์บนคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่ดูแล บ้างก็อาจจะเกิด Bad sector กลไกการทำงานเริ่มลดประสิทธิภาพลงไป การหมุนแบบผิดปกติที่ทำให้หัวอ่านเริ่มชำรุด หรือแม้กระทั่งการกระแทกก็อาจจะนำมาสู่อาการช้าหรือค้างของคอมพิวเตอร์ได้เช่นกัน
เคยกำจัดไฟล์ “ขยะ” กันบ้างหรือเปล่า? (Temp file, cookies, Dump file)
เมื่อพูดถึงไฟล์ “ขยะ” ต้องมาทำความรู้จักกันก่อนว่ามันคืออะไร ทำไมต้องเรียกแบบนั้นและ ไฟล์เหล่านี้ไม่มีประโยชน์เลยจริงหรือไม่ แล้วมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ไปลองแยกประเภทของไฟล์ขยะกันดีกว่าครับ…
-
ไฟล์ขยะที่เกิดจากการ”ติดตั้ง” (Install) ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งวินโดวส์ ติดตั้งโปรแกรมต่างๆ การอัพเดทโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ต่างๆ กระบวนการเหล่านี้จะทำให้เกิดไฟล์ขยะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าการอัพเดทหรือลงโปรแกรมต่างๆ วินโดวส์จะแตกและแยก (extract file) ไฟล์นั้นๆออกมาแล้วค่อยติดตั้งมันลงไปในฮาร์ดดิสก์ กระบวนการนี้จะทำให้เกิดไฟล์ที่เหลือทิ้ง เช่น .temp .old .bak ซึ่งไฟล์ที่เหลือทิ้งเหล่านี้คอมพิวเตอร์ของเราไม่ต้องการใช้มันอีกแล้ว
-
ไฟล์ขยะที่หลงเหลือจากการที่เราลบโปรแกรม (uninstall) ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เกิดจากการถอนการติดตั้งที่ไม่สมบูรณ์ ตัวอย่างเช่น ค่า Registry ที่ยังไม่ถูกแก้ไขหรือตัวแปรที่เพิ่มหรือลดค่าภายในคอมพิวเตอร์ของเรานั้นเอง ไฟล์ขยะอื่นๆเช่น .temp .bak .chk .htt และ prefetch file เป็นต้น ซึ่งไฟล์เหล่านี้คอมพิวเตอร์ของท่านก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อีกต่อไป
-
ไฟล์ขยะที่ทุกท่านน่าจะคุ้นเคยมากที่สุด ไฟล์ที่เกิดจากการเล่นอินเตอร์เน็ต ตัวอย่างเช่น cookies .temp .htt cached เป็นต้น ไฟล์เหล่านี้ต่างจากไฟล์ที่บอกข้างต้น เพราะว่าไฟล์ขยะเหล่านี้ที่จริงมีประโยชน์ เวลาท่านเข้าเว็บไซต์ต่างๆหน้าตาของมันไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ แฟลช และปุ่มต่างๆ จะถูกเก็บไว้เป็น temp file เพื่อที่จะทำให้เราเข้าเว็บไซต์นั้นๆ ได้เร็วขึ้น
-
Restore Point หรือ Windows Protection Feature ระบบนี้จะเป็นตัวป้องกันความเสียหายรุนแรงที่อาจเกิดกับคอมพิวเตอร์ของท่าน เช่นการที่คอมพิวเตอร์ของท่านเกิดระบบล้มเหลวหรือจอฟ้า (blue screen) ยิ่งถ้าฮาร์ดดิสก์มีขนาดใหญ่มากแค่ไหน system restore ก็จะกันที่ไว้มากยิ่งขึ้น คอมพิวเตอร์จะกู้คืนข้อมูลต่างๆจาก Restore Point ที่ใกล้ที่สุด ซึ่ง Restore Point เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากแต่ว่าเราไม่ได้มีแค่ Restore Point เพียงจุดเดียว ดังนั้น Restore Point จึงใช้พื้นที่ไปเยอะทีเดียว
สำหรับไฟล์ขยะนั้น แท้จริงก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไฟล์ที่ไม่มีประโยชน์เลยเสียทีเดียวนะครับ เพราะไฟล์ขยะเหล่านี้ถูกสร้างจากระบบเพื่อทำให้เราสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ของเราให้รวดเร็ว และสะดวกมากขึ้น การมีไว้บ้างอาจจะมีประโยชน์ แต่ถ้าเก็บไว้มากๆ และนานๆ โดยที่ไม่มีการลบไฟล์เหล่านี้ทิ้ง ไฟล์เหล่านี้ก็จะถูกสร้างเพิ่มและทำให้เสียพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ของท่านไปเรื่อยๆ หลายครั้งเราพบว่าคอมพิวเตอร์ของหลายๆ ท่านอาจจะมีไฟล์ขยะเหล่านี้มากกว่า 10 GB เลยทีเดียว
เป็นอย่างไรบ้างครับ หลายคนเริ่มได้รู้จักปัญหาที่เกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ของท่านเพิ่มขึ้น และน่าจะพอทราบแล้วว่าจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไร แต่นอกจากวิธีที่ผมแนะนำไปนั้น ก็มีอีกหลายวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของคุณได้ แถมยังง่ายและทำได้บ่อยๆ โดยไม่เสียเวลา อย่างการใช้โปรแกรมเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ง่ายมาก โดยในปัจจุบันนี้มีโปรแกรมประเภทนี้ให้เลือก เช่น BeeDoctor for PC, SpeedUpMyPC, TuneUp เป็นต้น ซึ่งแต่ละโปรแกรมก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน ท่านผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมและดาว์นโหลดได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้ ส่วนวันนี้ผมต้องขอตัวลาไปก่อน…สวัสดีครับ
-
BeeDoctor for PC: http://beedoctor.in.th/thai/download.php?ch=tu
-
SpeedUpMyPC: http://www.uniblue.com/product/pc/speedupmypc/
-
TuneUp Utilities: http://www.tune-up.com/
บทความนี้เป็น advertorial