Best Buy ผู้ค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ของปี 2012 ว่ามีกำไรลดลงถึง 91% ผลจากยอดจำหน่ายในร้านค้า, ศูนย์บริการ และบนเว็บไซต์ลดลงทุกช่องทาง ล่าสุด Best Buy ประกาศแผนปิดร้าน 50 สาขาเพื่อลดค่าใช้จ่าย
Best Buy นั้นประกาศว่าสามารถทำกำไร 12 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 4 สิงหาคม 2012) ลดลงจากที่เคยทำได้ 128 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยผลประกอบการนี้ถูกเปิดเผยในวันที่ Best Buy ประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ Hubert Joly ผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูบริษัทแต่ไม่มีประสบการณ์กับบริษัทค้าปลีกมาก่อน
ผลประกอบการที่ขาดทุนนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของ Best Buy ลดลงต่ำสุดในรอบ 9 ปีนับตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยมูลค่าหุ้นยังดิ่งลงต่อเนื่องเมื่อผู้ก่อตั้ง Best Buy อย่าง Richard Schulze ประกาศให้มือทองด้านการฟื้นฟูกิจการมารับบทบาทซีอีโอ โดยก่อนหน้านี้ Best Buy ไม่มีประธานเจ้าหน้าที่บริหารอย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทสั่งปลด Brian Dunn อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารวัย 51 ปีด้วยข้อหาปัญหาด้านความสัมพันธ์ (close personal relationship) พร้อมกับพนักงานหญิงวัย 29 ปีด้วยข้อหาสร้างผลกระทบด้านลบต่อสภาพแวดล้อมการทำงาน (negatively impacted the work environment)
สำหรับการปิดร้าน 50 สาขานั้น Best Buy เคยประกาศแผนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าต้องการลดต้นทุนให้ได้ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ Best Buy เตรียมไว้หลังจากพบว่ายอดขายของบริษัทลดลงตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ข้อมูลระบุว่า ยอดขายทุกช่องทางของ Best Buy ทั้งจากร้านค้า ศูนย์บริการ และเว็บไซต์ในช่วง 14 เดือนล่าสุดนั้นลดลง 3.2% โดยในตลาดสหรัฐฯนั้นหดตัวลง 1.6% ขณะที่ตลาดนานาชาติหายไป 8.2% จุดนี้บริษัทระบุว่ายอดจำหน่ายในจีน แคนาดา และยุโรปนั้นน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
Best Buy ยังย้ำว่ายอดจำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อย่าง eReaders และ smartphone นั้นเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถสู้ยอดขายโน้ตบุ๊ก, ทีวี, กล้องดิจิตอล และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่ลดลงอย่างมาก ทั้งหมดทำให้ Best Buy พบกับภาวะรายได้หดหายในขณะนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ย่ำแย่ของ Best Buy เพราะบริษัทเคยประกาศขาดทุน 1.23 พันล้านเหรียญสหรัฐบนรายได้ 5.07 หมื่นล้านเหรียญสำหรับทั้งปีการเงิน 2011 ซึ่งสิ้นสุดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นการขาดทุนครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่ปี 1991
ที่มา: The Guardian