แผ่นซีดีเงางามสีสวยกำลังถึงจุดเปลี่ยนที่ชัดเจน เพราะแบรนด์ค้าปลีกสินค้าไอทีอเมริกันอย่าง Best Buy ประกาศนับถอยหลังหยุดขายแผ่นซีดี เนื่องจากยอดขายซบเซาจากภาวะเพลงดิจิทัลบูม คาดว่าหลังจากนี้ จะมีแบรนด์ค้าปลีกอีกหลายแห่งที่จะขานรับและประกาศหยุดหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจำหน่ายแผ่นซีดีเช่นกัน
วันนี้ชาวโลกไม่ค่อยมีเหตุผลที่จะต้องซื้อแผ่นซีดีในเมื่อสามารถดาวน์โหลดหรือสตรีมเพลงที่ชอบทั้งหมดได้จากโลกออนไลน์ ร้านค้าแผ่นซีดีเพลงจึงพบกับภาวะยอดขายตกต่ำต่อเนื่องจนล่าสุด แหล่งข่าวของสื่ออเมริกันอย่าง Billboard ระบุว่า Best Buy ได้แจ้งแก่ผู้ผลิตแผ่นซีดีว่าจะเก็บสินค้าที่เป็นแผ่นซีดีออกจากชั้นวางในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
รายงานเบื้องต้นชี้ว่า Best Buy มียอดขายแผ่นซีดีราว 40 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม รายงานชี้ว่าสินค้ากลุ่มแผ่นเสียง Vinyl จะยังวางจำหน่ายต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี
ขณะที่คู่แข่งของ Best Buy อย่าง Target ไม่ได้ลงดาบเลิกจำหน่ายสิ้นเชิง แต่กำลังใช้นโยบายการจ่ายเงินแก่ผู้ผลิตซีดีแบบใหม่ โดยจะเปลี่ยนจากรูปแบบจ่ายเงินค้าซีดีและดีวีดีทั้งหมดที่บริษัทได้รับ (และส่งคืนกรณีที่ไม่ได้จำหน่ายไป) มาเป็นการจ่ายเงินเฉพาะแผ่นซีดีที่จำหน่ายได้จริงเท่านั้น จุดนี้ผู้ผลิตมีเวลาถึงวันที่ 1 เมษายนหรือ 1 พฤษภาคมเพื่อเปลี่ยนรูปแบบรับชำระเงินโดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเพิ่มเติมของแต่ละบริษัท
สิ่งที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่า ผู้ผลิตแผ่นซีดีซึ่งส่วนใหญ่เป็นวงการเพลงยังไม่มีทางเลือกมากนัก ขณะนี้ไม่มีรายงานความเห็นจากฝั่งผู้ผลิตซีดี เช่นเดียวกับ Best Buy และ Target ที่ไม่แสดงความคิดเห็นใดเพิ่มเติมจากรายงานที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เป็นเพราะทั้ง Best Buy และ Target ไม่อาจจับต้องเนื้อหนังจากการจำหน่ายซีดีเพลงเหมือนที่เคย โดยก่อนหน้านี้ Best Buy มีดีกรีเป็นบริษัทค้าปลีกเพลงรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ แต่ปัจจุบัน Best Buy เลือกแผ่นซีดีบางชุดบางศิลปินเก็บไว้ในสินค้าคงคลังเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น
สถานการณ์ถึงตอนนี้ คือยอดจำหน่ายแผ่นซีดีในสหรัฐฯลดลงทั่วประเทศ และไม่มีแนวโน้มจะกลับมาบูมอีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ร้านเพื่อซื้อแผ่นซีดีเพลง ในเมื่อสามารถดึงเพลงโปรดมาฟังได้ตลอดเวลาทุกที่บนออนไลน์ และสามารถสั่งซื้อแผ่นซีดีที่ต้องการได้เองจากร้านอีคอมเมิร์ซหรือค่ายเพลงโดยตรง
ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์ไม่ได้มองว่าโลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคหายนะของวงการเพลง แต่เป็นสัญญาณว่าวงการเพลงเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง นั่นคือการเน้นขายเพลงผ่านอุปกรณ์ให้กับผู้ฟังแบบดิจิทัลเท่านั้น
ที่มา: NPR