ฟังคมความคิดของ Bill Gates ที่ยอมรับว่า AI จะเปลี่ยนโลกของซอฟต์แวร์ในแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สิ่งเดียวที่เขาข้องใจ คือเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดยักษ์ใหญ่ big tech ของโลกจึงวางเดิมพันอนาคตของ AI ไว้ที่รถยนต์ขับเคลื่อนตัวเอง แทนที่จะเป็นสิ่งอื่นที่ไม่ซับซ้อนและเสี่ยงน้อยกว่า
Bill Gates สร้างอาชีพและทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐด้วยการนำซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมาแจ้งเกิดในตลาดองค์กรที่ทำงานทั่วโลก 44 ปีหลังจากการก่อตั้ง Microsoft ผู้ก่อตั้งอย่าง Gates ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในวงการซอฟต์แวร์ธุรกิจนั้นยังไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการแทรกแซงของระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ยังต้องรอการพัฒนาอีกหลายด้าน ความน่าสนใจคือ Gates ไม่เห็นด้วยกับ “บริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ” ทั้ง Google และ Uber ที่ลงทุนในการพัฒนา AI กับการสอนยานพาหนะเพื่อขับเคลื่อนตัวเอง ซึ่งการคิดต่างนี้เรียกเสียงฮือฮามากพอสมควร
Gates ให้เหตุผลว่าโอกาสส่วนใหญ่ในการทำให้คอมพิวเตอร์ปรับปรุงการทำงาน คือโอกาสจากงานที่อยู่ตรงหน้ามนุษย์เรา มากกว่างานที่อยู่ข้างหลัง ดังนั้นการเลือกพัฒนา “AI สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนตัวเอง” อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม โดยเฉพาะการวางตำแหน่งเป็นแรงผลักดันใหม่ในธุรกิจ AI ที่เพิ่งเริ่มตั้งไข่
ความคิดเห็นของ Gates ถูกแสดงบนเวทีการประชุม Microsoft Research ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันพุธกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกวันนี้แม้ว่า Gates จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเป็นประธานของมูลนิธิ Bill and Melinda Gates Foundation แต่ Gates ก็ยังคงมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของ Microsoft ผ่านตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของ Satya Nadella คนเก่งหนุ่มใหญ่ CEO Microsoft คนปัจจุบัน
ซอฟต์แวร์ธุรกิจเปลี่ยนนิดเดียว
บนเวทีนี้ Gates กล่าวถึงซอฟต์แวร์ธุรกิจปี 2019 ว่าเป็นการยกระดับเล็กน้อยเท่านั้นจากยุคก่อนดิจิทัล แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ดีกว่ายุคที่สาวออฟฟิศต้องพกน้ำยาลบคำผิดติดตัวตลอดเวลา ประเด็นนี้ Gates มองว่าคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ถูกใช้สำหรับงานที่มีโครงสร้างซับซ้อนเช่นการสร้างงบการเงิน ซึ่งเครื่องจักรสามารถทำงานได้ล้ำหน้านำมนุษย์ผ่านกระบวนการที่ “มองไม่เห็น” แต่สำหรับงานอื่น เช่น การเขียนอีเมล มนุษย์จะเข้าใจถึงความสำคัญ, บริบท และเนื้อหาของข้อความได้มากกว่า
แต่ในอีก 5 ปี AI ในผลิตภัณฑ์ของ Microsoft จะถูกพัฒนาให้มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ภาษาของผู้ใช้ และธุรกิจของผู้ใช้แต่ละคน ด้วยข้อมูลนี้ ผู้ช่วยซอฟต์แวร์อาจมีข้อมูลเพียงบางส่วนที่เพียงพอสำหรับการจัดการกับงาน ซึ่งก่อนนี้มีเพียง “ผู้ช่วยที่เป็นมนุษย์” ที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถทำงานนี้ได้ งานเหล่านี้ได้แก่ การระบุรายการที่สำคัญที่สุดในอีเมลหรือข้อความโทรศัพท์ หรือรวบรวมข้อมูลของผู้คน สิ่งอำนวยความสะดวก และข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการประชุมครั้งหนึ่ง
สำหรับภาพรวมธุรกิจทั่วไป Gates เชื่อว่าหุ่นยนต์อัจฉริยะจะเริ่มรับภาระงานบางอย่างของมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว เช่น งานทำความสะอาดห้องพัก หรือการประกอบเครื่องใช้บางอย่าง ถ้าหุ่นยนต์สามารถทำได้ดี ในที่สุดหุ่นยนต์เหล่านั้นก็จะราคาไม่แพงมาก
ยังอีกหลายปี
Gates มองว่าแม้เทคโนโลยีพื้นฐาน AI บางอย่าง เช่น การจดจำเสียง การมองเห็นของคอมพิวเตอร์ (computer vision) และหุ่นยนต์แขนและขาจะมีความก้าวหน้าเพียงพอที่จะรองรับงานเหล่านั้นแล้วในขณะนี้ แต่หุ่นยนต์อื่นที่มีความชำนาญแบบมนุษย์จะยังคงต้องใช้เวลานานหลายปี
ถึงตรงนี้ Gates โยงเข้าสู่ความสงสัยว่าทำไมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เช่น Google และ Uber จึงเลือกสิ่งที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงอย่างรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเอง มาพัฒนาเป็นธุรกิจ AI ยุคแรกที่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกแน่นอนในอนาคต
Gates อธิบายว่ารถไร้คนขับนั้นต้องการความรับผิดชอบสูงมาก สำหรับการรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น กรณีที่มีใครเผลอหยุดเดินหน้ารถหรือมีลูกบอลกลิ้งลงถนนมา เบื้องต้น Microsoft ไม่ได้ลงมือวิจัยแบบโฟกัสที่เทคโนโลยีรถอัตโนมัติเลย แต่ Microsoft ใช้วิธีให้บริการแพลตฟอร์มเครื่องมือแก่บริษัทอื่นในการพัฒนารถยนต์ที่ขับขี่ด้วยตัวเองแทน
เมื่อถามถึงสถานการณ์ที่ไกลกว่านี้ Gates เชื่อมั่นว่าในที่สุด AI อาจบังคับให้เรากำหนดงานใหม่และบทบาทที่ต่างไปกับชีวิตมนุษย์ คาดว่าหลายฝ่ายอาจพัฒนา AI ให้มีความสามารถสูงขึ้น จนกระทั่งวันที่มนุษย์ไม่โฟกัสที่เรื่องงานหรือเรื่องการเลี่ยงความเจ็บป่วยต่อไป เวลาของ AI ยุคใหม่ก็จะเกิดขึ้น
Gates ทิ้งท้ายว่าการศึกษาจะเป็นจุดเปลี่ยนสวิตช์หลัก โดยเฉพาะการเตรียมคนหนุ่มสาวเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดงานยุคหน้า ซึ่งถ้าประเทศไหนสามารถปรับการศึกษาได้มากกว่า ก็จะมีบุคลากรหลายรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ที่มา: : FastCompany