เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1 Bitcoin ราคา 242,400 บาท ราคานี้เพิ่มขึ้นไม่หยุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จนล่าสุดคือพุธที่ 8 ที่สกุลเงินดิจิทัลทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 8,000 เหรียญ นักการตลาดออนไลน์ที่ดีไม่เพียงควรรู้ส่วนหนึ่งของเบื้องหลังเหตุการณ์นี้คืออะไร แต่อาจหยิบบทเรียนจากปรากฏการณ์ Bitcoin มาปรับใช้กับการทำงานได้ด้วย
เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนถึงปัญหาที่เกิดจากการที่คนทั่วโลกหันมานิยมใช้งาน Bitcoin มากขึ้น ปริมาณธุรกรรมจึงสูงมากจนระบบ Bitcoin ดั้งเดิมที่รองรับขนาดกล่องข้อมูลที่ 1MB เท่านั้นทำงานได้ช้า ทำให้มีปริมาณธุรกรรมที่กองรอการตรวจสอบอยู่จำนวนมาก การส่ง Bitcoin บางกรณีจึงต้องรอนานมากกว่าที่ควรจะเป็น (15-30 นาที) หรือในบางครั้งการส่งธุรกรรมที่กำหนดค่าธรรมเนียมต่ำก็ไม่สำเร็จ
ปัญหานี้ทำให้โลก Blockchain ตัดสินใจเปลี่ยนกฎกลางใหม่ โดยที่ผ่านมา การแก้ไขค่าหรือชุดคำสั่งเดิมจะเป็นการกระทำที่ถูกเรียกว่า “การ Fork” การ Fork ระบบ Bitcoin เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเป็นขั้นแรกของการ fork ระบบ Bitcoin ดั้งเดิม ด้วยการเข้าไปแก้ชุดซอร์สโค้ดของระบบเก่าที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดระบบใหม่แยกออกมา ก่อนจะตั้งชื่อสกุลเงินใหม่ เช่น Bitcoin Cash
การ Fork ขั้นที่ 2 มีกำหนดเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายนนี้ มีการเรียกแผนอัปเกรดว่า “Segwit2x” แต่แผนนี้ถูกระงับ “ไม่มีกำหนด” การระงับนี้เองที่ทำให้เงิน Bitcoin ได้รับความมั่นใจมากขึ้น จนมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นทันที 3% ในช่วง 20 นาทีหลังการประกาศระงับ Segwit2x
เหตุที่ทำให้การอัปเกรด Segwit2x ถูกระงับคือความกังวลว่า Segwit2x อาจ “แบ่งแยกชุมชนผู้ใช้บิตคอยน์” เนื่องจากการอัปเกรดซอฟต์แวร์นี้มุ่งแก้ไขข้อจำกัดของเครือข่าย Bitcoin ด้วยการเพิ่มขนาดกล่องข้อมูล ให้ใหญ่กว่าระบบดั้งเดิมที่ไม่สามารถรับมือกับการเติบโตที่รวดเร็วในปัจจุบัน จนทำให้ไม่สามารถประมวลผลธุรกรรมได้เร็วพอ
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน กลุ่มนักพัฒนาและนักลงทุนจึงตัดสินใจระงับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ แม้จะวางแผนมานานและได้รับการสนับสนุนเต็มที่เมื่อมีการประกาศช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายรายจะถอนการสนับสนุนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เรื่องนี้ Guy Zyskind ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มให้ข้อมูลการลงทุนเงินคริปโตชื่อ Enigma อธิบายว่าการเลื่อนแผน fork ออกไปอย่างไม่จำกัดช่วงเวลา ทำให้สินทรัพย์เงินคริปโตมีความปลอดภัยมากขึ้น
“การที่ชุมชน Bitcoin สามารถแก้ไขการตัดสินใจและหลีกเลี่ยงการ fork ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเชื่อมั่น และแสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศของ Bitcoin กำลังทรงพลังและเข้าสู่ช่วงที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น”
ความเชื่อมั่นนี้ทำให้ Bitcoin พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งหมดนี้ ทีมพัฒนาระบุในอีเมลว่าเป้าหมายของทีมพัฒนาคือการอัปเกรด Bitcoin ให้ราบรื่น แม้ว่าบริษัทจะเชื่อมั่นถึงความจำเป็นในการเพิ่มขนาดระบบกล่องข้อมูลให้ใหญ่ขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ทีมเชื่อว่ามีความสำคัญมากกว่า นั่นคือการรักษาชุมชนไว้ด้วยกัน
บทสรุปที่เราได้จากปรากฏการณ์นี้คือความกล้าในการเปลี่ยนแปลง กรณีของ Bitcoin ผู้เชี่ยวชาญทุกคนฟันธงว่าในอนาคต ชุมชน Bitcoin อาจจำเป็นต้องอัปเกรด Segwit2x อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนั้นจะยิ่งใหญ่เป็นประโยชน์ขนาดไหน ก็ควรจะทำเมื่อมีมติเป็นเอกฉันท์
ไม่เพียงพลังในการแก้ไขตัวเองของสังคม Bitcoin ความเหนียวแน่นของระบบยังสะท้อนรัศมีของความน่าเชื่อถือใน Bitcoin ได้อย่างน่าประทับใจ ดังนั้นอย่าลืมว่าการแก้ไขตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ หากเราต้องการให้ใครสัมผัสพลังในตัว
ที่มา: Reuters, Blockchain Fish