พอดีทางทีมงานได้รับการเชิญจากทาง BlackBerry ให้ไปร่วมงานเปิดตัว BlackBerry 7 หรือระบบปฏิบัติการ BlackBerry OS 7 ที่หลายๆ คนเรียกกันจนติดปากนั่นล่ะครับ ซึ่งเข้าใจว่าในงานก็คงมีการพาเหรดเอาเครื่องรุ่นใหม่ๆ มาให้ผู้เข้าร่วมงานได้ยลโฉมกันด้วย
น่าเสียดายที่พวกเราติดภารกิจอื่นๆ กัน แต่ทีมงานก็ได้มีโอกาสเก็บภาพตัวเครื่องทั้ง 4 รุ่นมาให้ชมกันก่อนการเปิดตัว รุ่นไหนหน้าตาเป็นอย่างไร ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยครับ…
ซึ่งเท่าที่ทราบข้อมูลมาคร่าวๆ ก็จะขอสรุปเบื้องต้นให้ว่าใน BlackBerry 7 นี้ จะมีอะไรมาใหม่ๆ บ้าง ตามนี้นะครับ :-
- บน BlackBerry 7 คุณจะได้สัมผัสกับหน้าจอที่คมชัดกับหน้าที่เรียกว่า Liquid Graphics ที่จะสามารถแดสงภาพเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น ตอบสนองทันใจ โดยเฉพาะหน้าจอสัมผัส
- BlackBerry Browser บนระบบปฏิบัติการที่จะสามารถทำงาน เปิดเว็บได้รวดเร็วขึ้นกว่าบน OS 6 ถึง 45 เปอร์เซนต์ สามารถใช้่ JavaScript ได้
- ระบบ Universal Search ที่ค้นหาได้ทั้งด้วยตัวหนังสือและเสียงที่แม่นยำ
- การบันทึกวิดีโอในระดับ HD
- ระบบ Augmented Reality ถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้น เพราะมี Magnetometer โดยมีแอพฯ อย่าง WikiTude ที่ร่วมพัฒนาให้สามารถค้นหาผู้ใช้ BlackBerry Messenger ได้เพิ่มเติมจากระบบปฏิบัติการอื่นๆ
- NFC Enabled ซึ่งจะช่วยให้การอ่าน Tag หรือการจับคู่อุปกรณ์เป็นไปได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- ข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมา ทราบว่า RIM ได้ซื้อ DataViz ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์สำหรับการใช้งานเอกสารอย่า Document To Go มาเรียบร้อยแล้ว และอาจจะนำมาใส่ไว้บน BlackBerry เพื่อเป็น Exclusive เลย
- ฟังก์ชันอื่นๆ ที่เพิ่มเติมมามากมาย อย่าง Music Storefront, BlackBerry Messenger เวอร์ชัน 6.0, BlackBerry Protect, Blackberry Balance และ Social Feeds 2.0 เป็นต้น
สำหรับตัวเครื่องที่ถือได้ว่าเป็นตัวชูโรงสำหรับงานนี้ ก็คงหนีไม่พ้น BlackBerry Bold 9900 ซึ่งว่ากันว่าเป็น BlackBerry รุ่นที่มีความบางที่สุด ตั้งแต่เคยมี BlackBerry มา ด้วยความบางแค่ 10.5 มิลลิเมตรเท่านั้น แถมยังจับเอาขุมพลังซีพียู 1.2 GHz และหน่วยความจำภายในมากถึง 8 GB มาให้ด้วย กล้องถ่ายรูปก็มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แถมยังถ่ายวิดีโอได้ในระดับ HD ที่ 720P เสียด้วย
โดยเจ้า Bold 9900 ตัวนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของ Interface ในการใช้งาน โดยนิยามของ Bold 9900 ก็คือ “Touch. Type. Together.” ก็คือ Bold 9900 ตัวนี้สามารถใช้หน้าจอแบบสัมผัสได้ ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์กับแป้นคีย์บอร์ดแบบ QWERTY อยู่นั่น
วัสดุที่นำมาใช้นั้นมีความเป็น Iconic BlackBerry Design มาก โดยเป็นสแตนเลสสตีลซึ่งมีความสวยงามและทนทานด้วย แถมยังอัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่างๆ อีกมากมาย
เท่าที่ได้ลองสัมผัสไม่นานนัก ก็ต้องบอกเลยว่าด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่อง และระบบปฏิบัติการตัวใหม่อย่าง BlackBerry 7 ทำให้ BlackBerry มีความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของมัลติมีเดียและการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น แถม Bold 9900 ยังทำให้ผมรู้สึกอยากจะกลับไปใช้ BlackBerry อีกครั้งแล้วสิครับ
นอกจากนี้ก็ยัง BlackBerry อีกสามรุ่น ซึ่งก็คาดว่าจะออกตามกันมาในช่วงปีนี้ ได้แก่ BlackBerry Torch 9860 และ Torch 9810 รวมทั้งตัวเครื่อง BlackBerry ที่เจาะกลุ่มตลาดวัยรุ่นอย่าง BlackBerry Curve 9360
โดย BlackBerry ในซีรียส์ Torch นั้นได้ออกมาเขย่าวงการสมาร์ทโฟนบ้านเราอยู่พักหนึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กับการเป็น BlackBerry เครื่องแรกที่มีการรวมเอาหน้าจอระบบสัมผัส (ซึ่งเดิมเป็นของซีรียส์ Storm) และแป้นคีย์บอร์ด QWERTY ไว้ในเครื่องตัวเดียวกันเป็นครั้งแรก มาวันนี้ BlackBerry Torch 9810 ก็ออกมาต่อยอดความแรงของ Torch 9800
โดย Torch 9810 มีการปรับคุณภาพของหน้าจอให้มีความคมชัดขึ้น โดย 9810 จะมีความละเอียดของหน้าจอเพิ่มจาก 480 x 320 มาเป็น 640 x 480 พิกเซล เปลี่ยนความถี่ของระบบประมวลผลจาก 624 MHz เป็น 1.2 GHz
นอกจากนี้ยังเพิ่มหน่วยความจำทั้ง RAM/ROM สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HD ได้ และสามารถใช้ 3G ได้เร็วยิ่งขึ้นกับ HSDPA สูงสุดที่ 14.4 Mbps และ HSUPA ที่ 5.76 Mbps แต่น่าเสียดายที่ไม่ปรากฏว่าตัวเครื่อง Torch 9810 จะสามารถใช้ NFC ได้ ซึ่งก็คงต้องดูต่อไปว่าจะมีรุ่นไหนบ้างที่จะสามารถใช้ได้
BlackBerry ในตระกูล Torch ยังมีอีกหนึ่งตัว ซึ่งตัวนี้ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งรุ่น ที่จะสามารถทำให้คนมองภาพของ BlackBerry เปลี่ยนไป เมื่อ BlackBerry เปลี่ยนมาใช้เป็นระบบ Full-Touch Screen กับรุ่น BlackBerry Torch 9860 ซึ่งการออกแบบดูโฉบเฉี่ยวมาก เมื่อเทียบกับ BlackBerry รุ่นอื่นๆ ที่เคยเห็นกันมา
รุ่นหลังๆ นี่เข้าใจว่า BlackBerry เอง ก็ไม่ได้ปล่อยให้คู่แข่งพัฒนาในเรื่องของการประมวลผลทิ้งไปได้ไกล เพราะทุกรุ่นที่ออกมาใหม่ จะใช้หน่วยประมวลผลที่มีความถี่มากกว่า 1 GHz ขึ้นไปแล้วเกือบทั้งหมด Torch 9860 เองก็มีหน่วยประมวลผล 1.2 GHz เช่นกัน
หน้าจอสัมผัสขนาด 3.7 นิ้ว?480 x 800 พิกเซล หน่วยความจำในตัวเครื่อง 4 GB และมี RAM มากถึง 768 MB แต่ที่น่าแปลกใจคือหลายๆ สำนักที่ผมหาข้อมูลพวกสเปคมา ต่างบอกว่ารุ่นนี้จะมีการรองรับ NFC ด้วย แต่ เมื่อเปิดฝาหลังออกกลับไม่พบอุปกรณ์ NFC ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่ขอคอนเฟิร์มว่าจะมีหรือไม่นะครับ คงต้องรอตัวที่ออกมาขายจริงๆ จึงจะทราบได้
และรุ่นสุดท้าย น้องเล็กสุดอย่าง BlackBerry Curve 9360 ซึ่งก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมๆ ไว้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของแป้นคีย์บอร์ด และการออกแบบโดยรวม แต่รู้สึกว่า Curve 9360 จะดูสวยเฉี่ยวขึ้นนะครับ แต่ที่แน่ๆ ก็คือบางลง จอสวยและชัดขึ้นแบบแตกต่าง
นั่นเพราะใน Curve 9360 ทาง RIM ได้เปลี่ยนหน้าจอให้มาเป็น?480 x 360 พิกเซล (ซึ่งเท่ากับ Bold 9780) ในขณะที่ขนาดยังคงเป็น 2.44 นิ้วเท่าเดิม ความถี่ของกรประมวลผลจะอยู่ที่ 800 MHz (เป็นตัวเดียวที่ไม่ถึง 1 GHz) มี RAM มาให้ 512 MB และกล้อง 5 ล้านพิกเซล
แต่ที่น่าแปลกใจนิดหน่อยคือ กับ Torch ทั้งสองรุ่นที่ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นโทรศัพท์ระดับ High-End กลับไม่รองรับการใช้ NFC แต่ที่ฝาหลังของ Curve 9360 กลับมาอุปกรณ์การอ่าน NFC ติดตั้งอยู่ ซึ่งคงต้องรอสินค้าที่จะออกมาขาย ซึ่งผมค่อนข้างมั่นใจว่าคงจะไม่ได้หนีจากที่เอามาให้เพื่อนๆ ชมเสียเท่าไรนัก เพราะถ้าสังเกตกันดีๆ ทุกเครื่องที่มีแป้น QWERTY นั้นมีภาษาไทยมาด้วยแล้วทั้งสิ้น
นอกจากนี้คาดการณ์ว่า อาจจะยังมีการออกโทรศัพท์ BlackBerry ตัวใหม่อย่าง BlackBerry Bold 9790 และ Curve 9380 ในช่วงปลายปี ซึ่งคงต้องรอการยืนยันจากทาง RIM อีกครั้ง
เชื่อว่า BlackBerry อาจจะมีการปรับกระบวนทัพมาบ้างแล้ว เพื่อเตรียมความพร้อมกับการกระโดดเข้าสู่การรบระหว่างแพลตฟอร์มและผู้ผลิตสมาร์ทโฟนด้วยกันเสียแล้วล่ะครับ คาดว่าปีหน้าเราคงได้เห็นอะไรดีๆ ใหม่ๆ จากการแข่งขันในครั้งนี้อีก
หากมีอะไรติชมหรือแนะนำเกี่ยวกับบทความ หรือจะแสดงความคิดเห็น ก็สามารถโพสต์และแนะนำกันเขามาได้เลยนะครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ…