สำหรับนักโฆษณา ซอฟต์แวร์ปิดกั้นโฆษณาหรือ ad-blocking อาจเป็นหนามตำใจที่ทำให้ยอดการชมโฆษณาไม่ถึงเป้าที่วางไว้ แต่สำหรับผู้ดูแลระบบไอทีในองค์กร ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาเหล่านี้อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานทำงานได้ลื่นไหล เพราะการสำรวจพบว่าซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาทำให้ทราฟฟิกการใช้งานข้อมูลของคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายลดลงอย่างน้อย 25% ไม่แน่ผลการศึกษานี้อาจทำให้ระบบบล็อกโฆษณาถูกสนับสนุนให้มีการใช้งานแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต
การสำรวจนี้ถือเป็นหนึ่งในการศึกษาที่ทำให้โลกเห็นภาพแง่บวกของระบบปิดกั้นโฆษณาอย่างชัดเจน โดยมหาวิทยาลัย Simon Fraser University ในบริติชโคลัมเบียพบว่าหากมีการติดตั้งซอฟต์แวร์ ad-blocking บนคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย การใช้งานแบนด์วิธระหว่างการเปิดเว็บไซต์จะลดลงราว 25% ขณะที่การใช้งานแบนด์วิธระหว่างการชม streaming video จะลดลงมากกว่า 40%
ข้อมูลระบุว่า การสำรวจนี้ศึกษาจากระบบปิดกั้นโฆษณา Adblock Plus ซึ่งเป็นโปรแกรมเสริมสำหรับติดตั้งบนเว็บเบราว์เซอร์ที่เปิดให้ดาวน์โหลดฟรี โปรแกรมนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ดูแลระบบไอทีองค์กรทั่วโลก ในการดูแลให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในเครือข่ายไม่ถูกรบกวนโดยโฆษณาที่มักเล่นและแสดงผลอัตโนมัติ
Simon Fraser เลือกสรุปผลการศึกษานี้จากการสำรวจคอมพิวเตอร์กลุ่มเล็กมาก โดยคอมพิวเตอร์ 6 เครื่องถูกนำมาเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย จุดนี้คอมพิวเตอร์ 3 เครื่องถูกติดตั้งซอฟต์แวร์ Adblock Plus ขณะที่อีก 3 เครื่องไม่มี ก่อนจะใช้เครื่องมือวิเคราะห์ระบบระหว่างที่อาสาสมัครมากกว่า 100 คนลงมือใช้งานอินเทอร์เน็ตต่อเนื่องนาน 5-10 นาที
สิ่งสำคัญที่เราได้รับจากข่าวนี้ คือแนวโน้มที่แสดงว่าระบบปิดกั้นโฆษณาจะถูกส่งเสริมให้มีการใช้งานในวงกว้างขึ้นอีกแน่นอนในอนาคต จุดนี้ถือเป็นความท้าทายนักการตลาดในวันที่โลกเข้าสู่ยุคแห่งการโฆษณาแบบเล่นอัตโนมัติหรือ AutoPlay ซึ่งเป็นยุคทองที่มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนสำหรับการทำการตลาด
ผู้สนใจ สามารถติดตามอินโฟกราฟฟิกผลการสำรวจได้จากด้านล่าง
ที่มา : VentureBeat