วันนี้ผมซื้อหนังสือ “My Life As A SuHarIT” ของ “สุหฤท สยามวาลา” ที่ผมเคยเชียร์สมัยแกลงผู้ว่าฯ กทม. เรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกับดิจิตอลสักเท่าไหร่ แต่ในฐานะที่ “คุณโต้” เคยสร้างปรากฏการณ์ Social Media Campaign หาเสียงให้คนนับหมื่นมาร่วมกัน “เปลี่ยน กทม.” กับเขาจนได้เสียงมาเป็นอันดับ 3-4 ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าใคร เลยปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาคือคนที่เข้าใจโลก Social อันเป็นส่วนหนึ่งของ Web Culture ในช่วงเวลาที่ผ่านมา และนี่คือความเห็นของผมที่มีต่อหนังสือเล่มนี้
“My Life As A SuHarIT” เป็นหนังสือกึ่งอัตชีวประวัติอ่านง่าย เล่าในภาษามึงมาพาโวยของเจ้าของหนังสือ ภายใต้การจัดพิมพ์จัดจำหน่ายของ springbooks ค่ายอมรินทร์ ของบอสใหญ่ “ระริน อุทกะพันธุ์’ เป้าหมายของสุหฤทที่มีต่อหนังสือก็คือการนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหนังสือไปทำประโยชน์ต่อให้สังคมในเรื่องที่เขาเคยคิดและหาเสียงไว้กับคนกทม. แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ โดยอาจมอบต่อให้กับมูลนิธิใดมูลนิธิหนึ่งที่จะมารับช่วงต่อไป
หนังสือแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 บท แบ่งคล้ายๆ กับชื่อศัพท์ดนตรี 1.1 Intro 1.2 Music 2 Climb 3 Bridge 4. Hook และตามด้วยบทสุดท้ายที่เป็น บทที่ 0 ชื่อว่า Free download ซึ่งแต่ละช่วงของหนังสือก็เป็นการเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นใคร คิดอะไร กินดีหมีอะไรมาถึงได้แปลก คิดอย่างไรที่คนหาว่าเพี้ยน ชอบดนตรีตรงไหน ไปเป็นดีเจได้อย่างไร ชีวิตช่วงวัยรุ่นหัวเลี้ยวหัวต่อแค่ไหน ทำอาชีพอะไรมาบ้าง ทำไมมีหลายสถานะเหลือเกิน (นักบริหาร ดีเจ นักดนตรี ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม. พ่อของลูก ฯลฯ) มีวิกฤตอะไรในชีวิต คิดบ้าอะไรลงสมัครผู้ว่ากทม. และมีชีวิตอย่างไรหลังสอบตก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ข้อคิด ซึ่งรวมๆ แล้วเหมาะสำหรับวัยรุ่น และคนที่คิดจะแต่งงาน และต้องการคำแนะนำจากพี่ชายวัยสี่สิบกว่าๆ อาทิ
– อย่าเริ่มทำอะไรด้วยการโกหกตัวเอง จงทำในสิ่งที่เชื่อ เชื่อในสิ่งที่อยากทำ นั่นคือข้อคิดง่ายๆ ของผม ไม่มีอะไรซับซ้อน คิดง่ายแต่ทำไม่ง่าย เพราะที่ยากที่สุดของความคิดแบบนี้คือต้องเลิกกลัว
– การลุกออกไปทำต่างหากคือทางออก แล้วอย่าลุกคนเดียว ชวนคนข้างๆ ลุกไปทำด้วย
– มันคงน่าเบื่อที่ไม่ต้องคิดอะไร เห็นเขาทำอะไรก็ทำตาม ปล่อยสมองตาย มีชีวิตอยู่แต่ปราศจากรสชาติใหม่ที่คุณไม่เคยลิ้มลอง คนครึ่งค่อนประเทศสิบๆ ล้านคนทำกันแบบนี้ ทำไมต้องทำแบบเดิมอีก ชีวิตมันจะตื่นตัว ใจเต้น เลือดสูบฉีดตรงไหน
– อย่าเจือกอยากมีโลกส่วนตัวบ่อยนักเมื่อมีชีวิตคู่ โลกส่วนตัวของชีวิตการแต่งงานคือ “เรา”
ถามว่าหนังสือของคุณโต้มีอะไรที่แปลกไปในแบบบุคลิกของเขาหรือเปล่า ตอบได้ว่า “ไม่มี” ในความรู้สึกของคนอายุกลางคนอย่างผม ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ก็เป็นแค่หนังสือที่ทำให้เราเข้าใจ “ความเป็นโต้” ได้มากขึ้น เข้าใจว่าพี่โต้แกเป็นคนมันส์อย่างนี้มาได้อย่างไร ทำวงดนตรีมาได้อย่างไร ธรรมดาๆ ไม่มีมีอะไรมากมาย
แต่มันจะมีค่ามากที่สุดหากตกอยู่ในมือของวัยรุ่นสักคนที่กำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวเอง หาก thumbsuper คนไหนที่อ่านอยู่ ถ้าคุณมีน้องมีนุ่งที่อยากจะให้เขากระหายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลง และคิดใหม่ทำใหม่กับอนาคตตัวเอง เล่มนี้อาจเป็นหนังสือที่คุณน่าจะลองหยิบให้น้องๆ อ่าน เพราะพี่ชายบ้าๆ แต่คุยรู้เรื่องชื่อ “สุหฤท” ให้คำแนะนำไว้น่าฟัง และแซ่บเลยล่ะ (แสรดดด)