เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด19” ทำให้รายได้ของประชาชนและธุรกิจปรับลดลง หลายธุรกิจต้องปิดกิจการ คนจำนวนไม่น้อย ตกงาน และขาดรายได้
ช่วงนี้สถาบันการเงินจึงมีมาตรการผ่อนปรนการชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชนและธุรกิจในหลายรูปแบบมาดูกันว่าในแต่ละรูปแบบมีข้อดีอย่างไรบ้าง
ผ่อนชำระตามปกติ
สมมติว่า เป็นหนี้บ้าน 1,000,000 บาท และมีงวดชำระหนี้จากการกู้ซื้อบ้านเดือนละ 10,000 บาท ซึ่งประกอบด้วย เงินต้น 4,000 บาท และดอกเบี้ย 6,000 บาท เรายังจ่ายชำระหนี้ตามปกติ เดือนละ 10,000 บาท เหมือนเดิม ก็จะช่วยลดเงินต้น ผ่านไป 6 เดือน ยอดหนี้ก็จะเหลือแค่ 976,000 บาท
ข้อดีคือ ไม่มีรายจ่ายจากดอกเบี้ยเพิ่ม ภาระหนี้ที่ต้องแบกรับลดลง รวมถึงตอนนี้หลายธนาคารมีมาตรการปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกด้วย
การพักชำระเงินต้น
สถาบันการเงินผ่อนปรนให้เรายังไม่ต้องชำระคืนเงินต้นตามเวลาที่กำหนดไว้ จากตัวอย่างเดิม สมมติเราเลือกพักชำระเงินต้น 6 เดือน จากปรกติจ่ายเดือนละ 10,000 บาท จะเหลือจ่ายแค่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท และเนื่องจากเราจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน ทำให้ยอดหนี้ไม่เพิ่มขึ้น ยังมีหนี้เหลือ 1,000,000 บาทเท่าเดิม
พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
ไม่ต้องจ่ายทั้งส่วนเงินต้นและดอกเบี้ยให้ธนาคารในช่วงที่ผ่อนปรน จากตัวอย่างเดิม จากที่คุณต้องจ่าย 10,000 บาท ก็ไม่ต้องจ่ายธนาคารเลย เพราะธนาคารผ่อนปรนให้คุณ “ยังไม่ต้องชำระคืนค่างวด” ทั้งส่วนที่ชำระคืนเงินต้นและส่วนของดอกเบี้ย แต่ดอกเบี้ยเดือนละ 6,000 บาท ที่ไม่ได้จ่ายตลอด 6 เดือน ยังคงเดินอยู่ และไปเพิ่มยอดหนี้รวมเป็น 1,036,000 บาท
ข้อดีคือ มีเงินสดเหลือสำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในช่วงที่รายได้ลดลง มีสภาพคล่องเพิ่ม ไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ไม่เสียประวัติในฐานข้อมูลเครดิตบูโร
สรุป
มาตรการต่างๆ ทั้งเลื่อนหรือพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้จะไม่สามารถชำระค่างวดได้ตามสัญญา ธนาคารก็จะไม่ถือว่าผิดนัดชำระหนี้ ประวัติการผ่อนชำระในฐานข้อมูลเครดิตก็ไม่เสีย และยังช่วยให้มีสภาพคล่องเพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งนี้ ภาระของแต่ละคนอาจได้รับผลกระทบแตกต่างกัน จึงควรเลือกวิธีผ่อนชำระที่เหมาะสม
ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย