BTS Group Holdings ทุ่มเงินเข้าถือหุ้นในกลุ่ม RS จำนวน 68 ล้านหุ้น (7%) มูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท หวังต่อยอดธุรกิจมากมาย รองรับการขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) ด้าน RS ตั้งเป้ามีรายได้ของกลุ่มก้าวสู่ระดับหมื่นล้านในปี 2565
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เข้าถือหุ้น 7 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าร่วม 1,000 ล้านบาท ใน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS ด้วย เพื่อลงทุนเชิงกลยุทธ์และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว แต่ละฝ่ายต่างมองว่า บริษัทตนเองมีแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจร่วมกันได้เป็นอย่างดี
โดย BTS ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ มีบริษัทในกลุ่มอย่าง VGI ผู้นำ Offline-to-Online Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ เสริมศักยภาพ (Synergy) ทางธุรกิจ
ซึ่ง BTS ยังมี VGI ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ซึ่งมี 3 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ (1) ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีมูลค่าสื่อกว่า 12,000 ล้านบาท (2) ธุรกิจบริการชำระเงินผ่านแรบบิท กรุ๊ป มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคน และ (3) ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ได้กว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน
ทางด้าน RS เปลี่ยนธุรกิจตัวเองในรอบ 35 ปี เริ่มต้น ‘ยุคใหม่’ ภายใต้ Business Model ใหม่ ด้วยธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) สร้างธุรกิจในลักษณะ D to C (Direct to Customer) เป็นการสร้างโอกาสจากการบริหารธุรกิจดั้งเดิมอย่าง “ธุรกิจเพลง” สู่ “ธุรกิจมีเดีย” จากการต่อยอดหน้าจอช่อง 8
ซึ่ง RS ตั้งเป้าขยายฐานรายได้ให้เติบโตสู่ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ ส่วน BTS ประกอบด้วยระบบรถไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันให้บริการผู้โดยสารถึงเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มเส้นทางให้บริการจาก 48.9 กิโลเมตร เป็น 133.4 กิโลเมตรภายในปี 2564
ขณะที่ปัจจุบัน RS ได้โฟกัสในธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้ากว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งตอบโจทย์ด้วยสินค้าคุณภาพระดับโลกด้วยยอดขายกว่า 2,100 ล้านบาทต่อปี
โดยเราเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเกื้อหนุนและต่อยอดธุรกิจระหว่างกลุ่ม BTS และ RS ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของทั้งสองบริษัทอีกด้วย
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าถือหุ้นของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจนั้น จะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อการบริหารงานของบริษัท รวมถึงโครงสร้างการถือหุ้นของนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เช่นเดิม