การบูลลี่ไม่ได้เกิดแค่เฉพาะดาราศิลปินเท่านั้น แต่อยู่ทุกสังคมและช่วงอายุ แต่สังคมที่เจอหนักและพบเยอะที่สุดคงหนีไม่พ้นวัยทำงาน แหล่งรวมคนหลากหลายความคิดและช่วงอายุ ทำให้เกิดดราม่าง่าย จนกลายเป็นบูลลี่กันในสุด
วันนี้เราจะมาบอกวิธีรับมือเพื่อแก้ไขสถานการณ์และยังสามารถทำงานร่วมกับคนที่บูลลี่เราได้ค่ะ
วิเคราะห์คำวิจารณ์
ก่อนอื่นเราต้องมาคิดก่อนว่าสิ่งที่เราโดนว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า ถ้าจริงเราควรจะปรับปรุงตัว เช่นทำงานไม่เรียบร้อยจนคนอื่นต้องมาลำบากด้วย ถ้าเราเป็นจริงเราต้องหาทางแก้ไข ขณะเดียวกันปัญหาบูลลี่ในที่ทำงานมักไม่ใช่เรื่องงาน แต่เป็นเรื่องของการไม่ชอบนิสัยกันและกันมากกว่า ซึ่งถ้านั่นคือตัวตนเราและไม่ได้เดือดร้อนใคร แต่มันแค่ไม่พอใจของคนบางกลุ่ม บอกเลยค่ะว่าไม่ต้องแก้ไขเพราะนั่นไม่ใช่ปัญหาของเราแต่เป็นปัญหาของเขาเอง
ทำงานเราให้ดีที่สุด
วิธีเลี่ยงความ Toxic ทุกอย่างคือการทำงานให้ดี แล้วงานจะปกป้องเราเอง เพราะเรามาทำงานงานเพื่อทำให้ได้งาน ไม่ใช่มาเพื่อรับความพอใจและไม่พอใจของคนอื่น ใครที่นินทาว่าร้ายเรา มักไม่ชอบนิสัยที่เราเป็นทั้งๆ ที่นิสัยเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเขาด้วยซ้ำ
ซึ่งการที่ไม่ชอบกันแล้วเกิดการไม่พอใจจนถึงบูลลี่แล้ว แสดงว่าเค้าไม่ใช่คนสำคัญในชีวิตที่เราควรจะรักษา และอย่าไปให้คุณค่าหรือเสียเวลาเสียใจกับคนเหล่านั้นมันไม่เป็นประโยชน์ ต่อให้เราดีในแบบที่เค้าชอบ เค้าก็หาเรื่องเราในประเด็นอื่นอยู่ดีไม่จบไม่สิ้น
ควบคุมอารมณ์
การโดนบูลลี่มันเหมือนการบั่นทอนจิตใจเราในที่ทำงานมากๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใด หากคุณอยากปกป้องตัวเองจากสิ่งร้ายๆ นั่นก็คือการควบคุมอารมณ์ เคยได้ยินมั้ยคะ ว่าในสังคมการทำงาน ใครควบคุมอารมณ์ได้ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะ
ต่อให้เราผิดจริงก็สามารถพลิกสถานการณ์ให้ถูกขึ้นมาได้ ต่อให้วันนี้เราได้ยินเค้านินทาเราตอนเที่ยงและบ่ายต้องคุยงานกัน แต่เราก็ต้องควบคุมอารมณ์และทำงานทุกอย่างเหมือนไม่มีไรเกิดขึ้น เหมือนวางอารมณ์ลงก่อน แล้วมองแค่งานที่อยู่ข้างหน้าก็พอ เพราะถ้างานเราพัง ก็เป็นจุดอ่อนให้อีกฝ่ายว่าเล่นงานเราได้อีก
ใส่ใจได้แต่อย่ามากเกินไป
ต้องเข้าใจก่อนว่าเราแคร์ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่ได้ ฉะนั้นใครควรแคร์หรือไม่ควรแคร์ เราต้องแยกแยะให้ออก บางทีมีคนไม่ดีกับเรา 2 คน เราเอาพลังทั้งหมดไปรู้สึกกับสองคนนี้ ในขณะที่มีอีกหลายสิบคนรักและเอ็นดูเราแต่เรากลับรู้สึกเฉยๆ และให้ความรู้สึกกับแค่สองคนแย่ๆ ที่ทำให้เรา Toxic
สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องผิดพลาดและเป็นความท้าทายสำหรับคนวัยทำงานอย่างมาก ฉะนั้นใส่ใจเฉพาะคนที่ใส่ใจเรา ส่วนใครไม่ดีกับเรานั่นเรื่องของเขา หรือถ้าอยากร้ายกลับขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยค่ะ เพราะบางคนก็ทำเราเกินจะรับไหวใช่มั้ยล่ะ
เว้นระยะห่าง Toxic
จริงๆ จะเรียกว่าต่างคนต่างอยู่เลยก็ได้ ในสังคมที่ทำงานเรื่องอึดอัดจะมีไม่กี่เรื่องคืองานกับคน ในเมื่อคนมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ ลองห่างออกมาก่อน ถ้ายังไม่ดี ก็ต้องต่างคนต่างอยู่ การไม่รับรู้กันคือการตัดปัญหาที่ง่ายที่สุด แต่แน่ล่ะโลกที่ทำงานมันแคบจะตาย มันไม่ได้ห่างได้ง่ายขนาดนั้น อีกวิธีที่หลายคนทำกันคือคุยงานแค่อีเมล์ค่ะ และให้เหตุผลว่าทำงานผ่านอีเมล์เท่านั้น ถ้าคุยงานด้วยคำพูดอาจตกหล่นประเด็นไปได้ ศิลปะการคุยงานในที่ทำงานจะช่วยเราได้เสมอเมื่อเจอวิกฤตค่ะ
การบูลลี่ไม่ควรเกิดขึ้นกับใครสักคน วิธีที่กล่าวมาอาจจะง่ายสำหรับสายสตรอง แต่มันไม่ใช่ทุกคนที่จะรับมือได้หมด หากใครที่กำลังเจอปัญหานี้และลังเลว่าจะไปต่อหรือหยุดแค่นี้แนะนำให้ลองใช้วิธีที่กล่าวมาและสังเกตค่ะ ว่าปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงมั้ย และใจเราดีขึ้นหรือเปล่า ถ้าไม่ก็คงเป็นการบ้านว่าจะเลือกเดินหน้าต่อหรือจะไปเดินหน้าต่อในสังคมใหม่ๆ ที่ทำให้ใจเราแฮปปี้กว่าที่เดิม