ก่อนหน้านี้มีดราม่าสนั่นวงการโฆษณาอย่างแบรนด์ Dolce & Gabbana ที่ใช้ตะเกียบในการกินอาหาร ซึ่งคล้ายกับการการเหยียดวัฒนธรรมชาวจีน จนกลายเป็นข่าวครึกโครมในแง่ลบเรียกว่า ร้าน Dolce & Gabbana ในจีน เงียบเหงาไม่มีคนเดินในร้านเลยสักคน
บทเรียนนี้ Burger King นิวซีแลนด์ คงลืมไป เพราะได้จัดโฆษณา ที่คล้ายว่าจะเหยียดชาวเอเชียออกมาจนโดนกระแสแอนตี้ในแง่ลบสนั่นโซเชียลไปอีกราย
เกิดอะไรขึ้นกับ Burger King
Burger King Newzeland ได้ออกโฆษณาชุดใหม่ Vietnamese Sweet Chili ที่ไอเดียมาจากแฮมเบอร์เกอร์สไตล์เวียดนาม จึงเกิดโฆษณาสุดอื้อฉาว ที่มีนักแสดงกำลังพยายามใช้ตะเกียบยักษ์กินเบอร์เกอร์ตัวใหม่ เป็นการผสานการกินจากตะวันตกกับเบอร์เกอร์เวียดนาม เข้ากันมากจนดราม่ากระฉ่อนไปทั่ว
และยังมีซีนที่พูดว่า “รสชาติที่ทำให้คุณเหมือนไปอยู่ที่โฮจิมิน” ยิ่งตอกย้ำดราม่าเข้าไปอีก เพียงปล่อยไปได้ไม่นานก็ต้องลบในที่สุด
อย่ามองข้ามเรื่องวัฒนธรรม
วัฒนธรรมคือสิ่งที่หล่อหลอมพฤติกรรมของคนในโซนหรือประเทศนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เซนซิทีฟมากไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม การสร้างโฆษณาที่มีการปรับมาจากวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่นักโฆษณาหลายท่านค่อนข้างเลี่ยง เพราะเราไม่รู้ว่าแต่ละประเทศจะละเอียดอ่อนมากขนาดไหน
ซึ่งบทเรียนที่เห็นได้ชัดที่สุดคงเป็น Dolce & Gabbana ที่ใช้ตะเกียบกินเมนูอาหาร ที่ดับทั้งแบรนด์เเละอาชีพนางแบบชาวจีนเช่นกัน
ไม่ใช่แค่ครีเอทแต่ต้องสร้างสรรค์
ตอนนี้โฆษณาหลายตัวเลือกที่จะสร้างจุดสนใจมากเกินกว่าที่จะแสดงถึงจุดเด่นของสินค้า แต่จุดสนใจนี้ได้มองข้ามเรื่องวัฒนธรรมมากเกินไป ยิ่ง Burger King Vietnamese Sweet Chili
ที่ปรับจากอาหารเวียดนามแล้วโดนดราม่าจนต้องลบโฆษณาทิ้งยิ่งต้องระวัง ก่อนที่จะครีเอทมากเกินไปจนตกม้าตายอย่าง Burger King
Brand สร้างยากแต่พังง่าย
คำนี้คงบอกสถานการณ์ของ Burger King ในสายตาชาวเวียดนามตอนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าคงเป็นแบรนด์ที่มาดูถูกประเทศของเค้า ไม่ต่างจากเหตุการณ์แบรนด์เสื้อผ้าก่อนหน้านี้เลย
การที่ภาพลักษณ์แบรนด์มาในทางดูถูกเบบนี้ เอฟเฟ็คที่ได้อาจจะต้องปิดสาขาหนีกลับประเทศเลยด้วยซ้ำ นักการตลาดและโฆษณา จึงต้องให้ความสำคัญของภาพลักษณ์แบรนด์ให้มากขึ้น ห้ามมองข้าม ยิ่งแคมเปญข้ามประเทศยิ่งต้องระวัง
บทเรียนมีไว้สอนไม่ใช่แค่เสพอย่างเดียว มีหลายเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่แบรนด์ใหญ่ทำพลาด ผลกระทบคงไม่อื้อฉาวจนดัง แต่เป็นดับแทนซะมากกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องของวัฒนธรรมเท่านั้นยังมีเรื่องผิวสีที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญอีกด้วย