เมื่อเริ่มถึงวัยทำงานและมีเงินเก็บของตัวเองก้อนแรก คนยุคพ่อแม่มักใฝ่ฝันถึงการผ่อนบ้านผ่อนรถ ซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน ตกแต่งสวน ซื้อนาฬิกาโบราณตั้งในห้อง ฯลฯ เรียกได้ว่าเจเนอเรชั่นก่อนๆ ชื่นชอบการเจ้าของทรัพย์สินอย่างนั้นอย่างนู้นเพื่อแสดงความมั่งคั่งของตัวเองเป็นที่สุด แต่สำหรับ Generation Z (อายุระหว่าง 4-24 ปี) แล้ว นิทานเรื่องนี้ดูจะเสื่อมมนต์ขลังลงเยอะ
คนยุคใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นวัยแรงงานและเป็นตลาดหลักของธุรกิจทุกชนิดนั้นมีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปมากมาย หนึ่งในสิ่งที่เปลี่ยนไปคือเทรนด์ sharing หรือการยินดีใช้ทรัพยากรบางอย่างร่วมกับสาธารณะเพื่อจ่ายค่าใช้งานในราคาที่ถูกกว่ามาก เราจึงเห็นว่าคนยุคใหม่ไม่เคอะเขินที่จะเป็นสมาชิกฟิตเนสแพงๆ ไม่ว่าอะไรหากต้องเช่าคอนโดของคนอื่นอยู่ และไม่ติดอะไรเลยหากจะต้องแชร์ห้องอยู่ร่วมกับรูมเมทหลายๆ คน
ทำไมคนยุคใหม่จึงชอบ “แชร์” มากกว่า “เป็นเจ้าของ”
เทคโนโลยีเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้วิธีคิดของผู้คนเปลี่ยนไป เนื่องจากทุกวันนี้เทคโนโลยีได้แปรสภาพให้ rare item หรือทรัพยากรที่เข้าถึงยากต่างๆ กลายเป็นของที่เข้าถึงง่ายเพียงปลายนิ้ว ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนหากเราอยากดูละครโทรทัศน์สักเรื่อง เราอาจต้องไปขอดูในบ้านของเพื่อนที่มีโทรทัศน์หรือหากบ้านตัวเองมีก็ต้องยื้อแย่งกับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ แต่ทุกวันนี้เรามีสมาร์ทโฟนอยู่ในมือทุกคนซึ่งทั้งราคาถูกและยังสารพัดประโยชน์ ดังนั้น เราจึงสามารถเข้าถึงทุกอย่าง ตั้งแต่ความบันเทิง ภาพยนตร์ เกม ความบันเทิง จนถึงสินค้าและบริการจากทั่วทุกมุมโลก เราก็สามารถเข้าถึงได้ผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ
การเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ จึงไม่ใช่ความ “คูล” สำหรับโลกใบนี้อีกต่อไป เพราะทุกวันนี้เพียงคุณมีเงินคุณก็สามารถเข้าถึงและซื้อหาสินค้าและบริการจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในมือคุณได้ แต่สิ่งที่ใช้แบ่งแยกคนคูลๆ ออกจากคนไม่คูลนั้นได้เปลี่ยนโฉมหน้ากลายเป็นเรื่องของความรู้
หมายความว่าแม้คุณจะสามารถเป็นสมาชิกของฟิตเนสชื่อดังได้เหมือนกันทุกคน เพียงมีเงินคุณก็ซื้อแพ็คเกจ 3 เดือน 6 เดือนเข้าไปใช้สถานที่ แต่สิ่งที่บ่งบอกว่าคุณเป็น “ตัวจริงเสียงจริง” ของวงการฟิตเนสคือความรู้และทักษะในการบริหารท่าต่างๆ คนออกกำลังกายตัวจริงเท่านั้นที่จะรู้ว่าคุณจะใช้เครื่องออกกำลังกายแต่ล่ะเครื่องอย่างไร ด้วยน้ำหนักเท่าไหร่ และด้วยจำนวนครั้งกี่ครั้ง ก่อนเล่นหลังเล่นต้องยืดวอร์มร่างกายอย่างไร สุดท้ายแม้คุณจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรฟิตเนสได้อย่างเท่าเทียมกับคนอื่นแต่หากปราศจากซึ่งความรู้และทักษะ คุณก็รั้งแต่จะกลายเป็นตัวตลกให้คนในฟิตเนสหัวเราะให้อับอายเท่านั้น
จึงเห็นได้ว่าคนยุคใหม่ไม่ได้สนใจว่าตัวเอง “เป็นเจ้าของ” อะไร แต่สนใจว่าตัวเอง “รู้วิธีใช้” ทรัพย์สินเหล่านั้นอย่างเต็มประสิทธิภาพหรือเปล่า เข้าทำนองว่าถึงจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่ยืมมาแต่ถ้ารู้จักแต่งตัว เซ็ตหน้าผมให้สวยเริศเข้าชุด คุณก็จะเป็นเซเลบของงานปาร์ตี้ในค่ำคืนนี้ได้ไม่ยาก
คนยุคใหม่ชอบการลงทุนมากกว่า
เมื่อคนยุคใหม่ไม่ได้เอาเงินไปซื้อสิ่งของมากมายมาเก็บเป็นปู่โสมเฝ้าสมบัติ แล้วพวกเขาเอาเงินเหล่านั้นไปทำอะไรกันแน่? การรายงานจาก Forbes ระบุว่าคนรุ่นใหม่เห็นว่าการเป็นเจ้าของสิ่งของต่างๆ นั้นรังแต่จะสร้างความ “รกรุงรัง” ให้แก่ชีวิต แต่การเป็นเจ้าของกิจการ สร้างบริษัทสตาร์ทอัพ หรือเริ่มต้นทำเพจบนโซเชียลมีเดียของตัวเองนั้นกลับเป็นเรื่องที่น่าดึงดูดกว่า พูดง่ายๆ ว่าคนรุ่นใหม่ไม่หลงใหลความเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ แต่หลงใหลความเป็นเจ้าของกิจการที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้โลกใบนี้ นอกจากนั้นข้าวของในยุคปัจจุบันก็มีราคาแพงมากขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต ดังนั้นเมื่อรู้ว่าไม่ได้ใช้มันตลอด 24 ชั่วโมงคนยุคใหม่เลยไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเป็นเจ้าของมันถาวร
ทำไม? คำตอบอยู่ที่เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ทำให้ทุกสิ่งเป็นจริงขึ้นมาได้ ยุคนี้สมัยนี้ผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องมีทุนมากมายก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการบางอย่างของตัวเองได้ นอกจากนั้นพวกเขายังมักโฟกัสเรื่องความก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน ความคิด ประสบการณ์ และความรู้ มากกว่าทรัพย์สิน เขาจึงไม่เชื่อเรื่องระบบบริษัทที่เลี้ยงคุณไปตลอดชีวิต และอยากทำงานพาร์ทไทม์มากกว่า
นอกจากนี้ คอนเซปต์เรื่องความสำเร็จของคนเราเริ่มเปลี่ยนไป คนยุคก่อนคิดว่ารถยนต์หรู บ้านหลังใหญ่ เงินในธนาคารหลักล้านเป็นเครื่องหมายวัดความสำเร็จของชีวิต แต่คนยุคใหม่คิดว่าคนที่ดูเท่คือคนที่สร้างธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยและกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนในสังคม มีความรู้ความสามารถและชอบพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
แต่สุดท้ายอยากเน้นย้ำว่าไม่ว่าคุณจะชอบซื้อของมาเก็บหรือนิยมแชร์ของร่วมกับส่วนรวมก็ไม่มีอะไรผิด ขอแค่คุณมีความสุขกับสิ่งที่คุณทำแค่นั้นก็คงเพียงพอแล้วครับ