หลังจาก Facebook เจ้าพ่อ Social Media ออกมาประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายจนสร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ใช้งานและพับลิชเชอร์ รวมถึงแบรนด์ต่าง ๆ ไปแล้วหลายรอบ ในขณะนี้ ค่าย BuzzFeed ก็ได้ตัดสินใจเปลี่ยนนโยบายด้วยการหันมาซื้อโฆษณาจาก Facebook แต่เนื้อหาใจความในโฆษณาคือการกระตุ้นให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของตนเองเพื่อจะได้ลดการพึ่งพา Social Media ให้น้อยลง
น่าจะเรียกได้ว่าถึงคราวที่ทุกธุรกิจต้องปรับตัว มองหาช่องทางสร้างรายได้อื่น ๆ ของตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมของบริษัทที่ได้ชื่อว่าเป็นช่องทางกระจายคอนเทนต์คนสำคัญในอุตสาหกรรมอย่าง Facebook แล้วอย่างจริงจัง ซึ่งกรณีของ BuzzFeed ถือว่าทำได้อย่างฉลาด แถมยังรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ด้วยการหนุนให้ผู้บริโภคดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของ BuzzFeed มาติดตั้งเสียเลย
เป็นไปได้ด้วยว่า หลังจากนี้จะเริ่มมีหลายค่ายที่ลอกไอเดียของ BuzzFeed ไปใช้บ้าง เพื่อให้ตนเองมีช่องทางเข้าถึงผู้บริโภคที่มากขึ้น นอกเหนือจากการกระจายไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Twitter, Snapchat หรือ Instagram
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจโดยอ้างอิงจากรายงานของ Social@Ogilvy ในปี 2014 พบว่า เพจบน Facebook ที่มีผู้กด Like มากกว่า 500,000 คนนั้น การโพสต์แบบออร์แกนิคสามารถเข้าถึงคนเหล่านั้นได้แค่ 2% หรือประมาณ 10,000 คนเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนแปลงอัลกอริธึมบน News Feed ในปี 2018 จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดเชื่อว่าการเข้าถึงผู้คนของโพสต์นั้นจะยิ่งลดลงไปอีก ยิ่งเมื่อประเมินร่วมกับข้อมูลที่ว่า ผู้ใช้งาน Facebook มีการใช้งานแพลตฟอร์มที่สั้นลงด้วยแล้ว การพึ่งพา Facebook ต่อไปอาจหมายถึงการที่แบรนด์ต้องจ่ายเงินซื้อโฆษณาแพงมากขึ้น จึงเป็นไปได้ว่า สำหรับแบรนด์ที่มีศักยภาพสูง ๆ การพัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเอง และกระตุ้นให้ผู้บริโภคติดตั้งอาจกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งก็เป็นได้
โดยเมื่อเข้าไปพิจารณาความสามารถของแอปพลิเคชัน BuzzFeed แล้วพบว่า มีการใส่ส่วนผสมต่าง ๆ เอาไว้ค่อนข้างลงตัว รวมถึงมีการแจ้งเตือนเทรนด์ใหม่ ๆ เอาไว้ด้วย และสามารถแชร์คอนเทนต์ของ BuzzFeed กลับไปบนแพลตฟอร์มของ Facebook, Twitter, Pinterest ฯลฯ ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี การพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาใช้เป็นช่องทางในการติดต่อกับผู้บริโภคเองแบบ BuzzFeed นั้น ก็อาจเหมาะกับแบรนด์ที่มีศักยภาพระดับหนึ่งเท่านั้น รวมถึงต้องพิจารณาเรื่องกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ให้มาก ๆ ว่าอยู่บนแพลตฟอร์มใด หรือมีพฤติกรรมอย่างไรด้วย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ MobileMarketer, AdAge