30 ปีที่รอคอย สโมสรลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 หลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกไปแพ้เชลซีเมื่อคืนที่ผ่านมา นับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 19 ของสโมสร
วันนี้ทีมงาน Thumbsup ขอเป็นยกลิเวอร์พูลเป็นกรณีศึกษาที่สามารถใช้การตลาดมาเป็นส่วนช่วยให้ทีมสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกด้วย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสามารถสังเกตได้ว่าการตลาดของลิเวอร์พูลนั้นมีส่วนช่วยให้กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งขึ้นในทุกฤดูกาล พร้อมกับฐานแฟนบอลที่กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นทั่วโลก
ในฤดูกาล 2019 ลิเวอร์พูลเปิดเผยผลประกอบการทางการเงินประจำปีก่อนหักภาษี 125 ล้านปอนด์หรือราว 4.7 พันล้านบาท ทำลายสถิติงบประมาณการเงินของสโมสร ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
รายได้ของสโมสรเพิ่มขึ้นทุกช่องทาง รายได้จากสื่อเพิ่มขึ้นมากถึง 66 ล้านปอนด์ รวมเป็นจำนวน 220 ล้านปอนด์ รายได้จากการขายเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น 17 ล้านปอนด์รวมเป็นจำนวน 154 ล้านปอนด์ และรายได้จากการขายตั๋วเข้าชมเพิ่มขึ้นจาก 7 ล้านปอนด์รวมเป็นจำนวนเป็น 81 ล้านปอนด์
ความสำเร็จด้านรายได้ของลิเวอร์พูลไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน
“เราได้รับการสนับสนุนจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม และทีมหลักที่แข็งแกร่ง ช่วยให้การดำเนินธุรกิจของเราได้รับการสนับสนุนจากคู่ค้าอย่างเต็มที่” Billy Hogan หัวหน้าฝ่ายการค้าของสโมสรลิเวอร์พูลกล่าว
ลิเวอร์พูลมีพาร์ทเนอร์มากถึง 23 ราย ทั้ง Standard Chartered และพันธมิตรหลัก New Balance สปอนเซอร์ชุดแข่ง (ล่าสุดจะเซ็นสัญญาชุดแข่งใหม่กับไนกี้) สโมสรยังมีสัญญาคู่ค้าที่ยาวนานถึง 25 ปีกับ CarlsBerg รวมทั้งสปอนเซอร์แขนเสื้อใหม่กับ Western Union และพันธมิตรระดับโลกกับ Falken Tyres และ Joie
โดยสปอนเซอร์แต่ละแบรนด์ได้รับการคัดเลือกด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน และที่สำคัญสปอนเซอร์แต่ละรายจะอยู่ในหมวดหมู่อุตสาหกรรมที่แตกต่างกันเพื่อป้องกันความขัดแย้งและสามารถเข้าถึงแฟนบอลได้มากขึ้น
ลงทุนในสโมสร
ในฤดูกาล 2018-19 มีแฟนบอลลิเวอร์พูลเข้าชมผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั่วโลกกว่า 880 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้ชมที่มากที่สุดในพรีเมียร์ลีก การเลือกคู่ค้าในแต่ละหมวดอุตสาหกรรม รวมถึงภูมิภาคในการเข้าถึงส่งผลให้ฐานแฟนบอลเติบโตเพิ่มขึ้นทั่วโลก
สื่อดิจิทัลของสโมสรก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยปัจจุบันผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียของสโมสรมากถึง 77.6 ล้านคน ผู้ติดตามบน Facebook เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านคน ผู้ติดตามบน Instagram เพิ่มขึ้น 5.5 ล้านคน และผู้ติดตามใน Twitter เพิ่มขึ้น 2 ล้านคน คิดเป็นการเติบโตของฐานแฟนบอลบนโซเชียลมีเดียกว่า 11%
จากรายได้และฐานแฟนบอลที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ลิเวอร์พูลสามารถลงทุนให้กับนักเตะได้มากขึ้น ฤดูกาล 2016-17 ลงทุนซื้อนักเตะมูลค่าถึง 79.90 ล้านปอนด์ ฤดูกาล 2017-18 ลงทุนมากถึง 173.88 ล้านปอนด์ และในฤดูกาล 2018-19 ลงทุนไป 182.20 ล้านปอนด์ ซึ่งการผลจากการลงทุนตอบแทนในทุกฤดูกาล
- 2015-16 จบอันดับ 8 ของพรีเมียร์ลีก รองแชมป์ยูโรป้าลีก และ รองแชมป์ลีกคัพ
- 2016-17 จบอันดับ 4 ของพรีเมียร์ลีก
- 2017-18 จบอันดับ 4 ของพรีเมียร์ลีก รองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
- 2018-19 จบอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
- 2019-20 จบอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีก
การสนับสนุนของแฟนบอล พาร์ทเนอร์ และเจ้าของทีมย่อมส่งผลต่อผลงานในสนาม และการให้ความสำคัญกับการลงทุนซ้ำในทีมอย่างโครงสร้างพื้นฐานและนักเตะ ช่วยเติมเต็มความสำเร็จที่สโมสรและแฟนบอลรอคอยกว่า 30 ปี
อ้างอิง liverpool fc(1),liverpool fc(2), Marketingweek, Transfermarket