ห้างเซ็นทรัลขานรับยุทธศาสตร์ “Digital Centrality” ของกลุ่มเซ็นทรัลที่ปรับสู่การนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจ พัฒนาสู่การเป็น “Central 4.0” โดยมาพร้อม LINE Account ใหม่สำหรับใช้ เชื่อมต่อกับผู้บริโภค ผนวกเว็บไซต์ www.central.co.th สู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลำดับที่ 22 เพื่อสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบไม่มีที่สิ้นสุด
ถือเป็นการปรับทัพที่น่าสนใจเลยทีเดียวสำหรับห้างเซ็นทรัลในยุค Thailand 4.0 โดยคุณปิยะวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดบริษัท สรรพสินค้า เซ็นทรัล จำกัด เผยว่า ในยุค Central 4.0 เราจะไม่ขายแต่สินค้าและบริการแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะในยุคนี้ แนวคิดที่ว่า One-size-fit-all จะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง
“ในยุคนี้การทำ Personalization กับ Customization สำคัญมาก เราต้องรู้จักลูกค้าเป็นรายบุคคลและสรรหาบริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายแตกต่างกันไป ซึ่งในจุดนี้ ทำให้เซ็นทรัลมีการปรับทิศทางการดำเนินงานมากมาย ทั้งการเปิดตัว Central Line Official Account ที่มาพร้อมคุณสมบัติ Line Connect ให้เซ็นทรัลสามารถเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าได้แบบส่วนบุคคล และสามารถมอบสิทธิพิเศษได้อย่างตรงใจมากขึ้น”
สาเหตุที่นำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คุณปิยะวรรณระบุว่ามาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
“ผู้บริโภคยุคนี้ได้รับอิทธิ
โดยสิ่งที่คุณปิยะวรรณชี้ก็คือ เทรนด์ต่อจากนี้ไป ห้างสรรพสินค้าอาจเป็นแค่โชว์รูมแสดงสินค้า ส่วนการซื้อขายอาจเกิดขึ้นบนระบบออนไลน์ ไม่ใช่จากตัวห้างอีกต่อไป ดังนั้น ห้างสรรพสินค้าจึงต้องปรับตัวเข้าสู่เทรนด์ใหม่ด้วยการเพิ่ม “ประสบการณ์” ในด้านไลฟ์สไตล์ให้กับผู้บริโภคมากกว่าจะเป็นแค่สถานที่จำหน่ายสินค้าแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต
“ยกตัวอย่างเช่น แทนที่เราจะขายเครื่องครัว เราอาจยก Cooking Studio มาไว้ในห้างเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การใช้เครื่องครัวเหล่านั้นก่อนตัดสินใจซื้อ เราอาจยกร้านทำเล็บ ร้านทำผม หรือร้านขายสินค้า Gadget ไอทีน่ารัก ๆ มาไว้ในโซนของผู้หญิงมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมาเราได้ลองนำสินค้า Gadget ของผู้ชายอย่างเช่น โดรน มาไว้ในแผนกสินค้าสำหรับผู้ชาย ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดี”
“หรือการเปิด Co-Working Space ขึ้นเพื่อให้ลูกค้ามานั่งคุยและทำงานร่วมกัน มีพื้นที่ Chill & Charge สำหรับให้ลูกค้ามานั่งชิลล์สนทนากันไป และชาร์จแบตเตอรี่ได้พร้อม ๆ กันด้วย”
Innovative Department Store
นอกจากนี้ ภายใต้กลยุทธ์ Central 4.0 ห้างเซ็นทรัลจะเปลี่ยนสู่การเป็น The Innovative Department Store ด้วยการนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาผสมผสานเพื่อสร้างห้างสรรพสินค้าที่ทำให้คนเข้ามาแล้วรู้สึกสนุก ตื่นเต้น แปลกใหม่ เหมือนได้รับประสบการณ์จากโรงละคร อีกทั้งจะมีการจัดกิจกรรมการตลาดแบบ Interactive ขึ้นภายในห้าง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า โดยจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาให้บริการลูกค้าและช่วยเชื่อมต่อระหว่างการช้อปปิ้งในห้างและช้อปปิ้งออนไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ และสามารถช้อปปิ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ www.central.co.th
โดยในส่วนของเว็
ซึ่งรูปแบบการช้อปปิ้งแบบใหม่นี้ คุณปิยะวรรณระบุว่า จะสามารถทำให้ Midnight Sale เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง เพราะถึงแม้ตัวห้างจะปิดในเวลา 22.00 น. แต่เว็บไซต์ออนไลน์สามารถขายได้ 24 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดด้านเวลาอีกต่อไป
บุก eCommerce ด้วย Central Line Official Account
ในส่วนของการพัฒนาช่องทางดิจิทัล ผลการสำรวจพบว่าปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถือ 82.8 ล้านเครื่องจากจำนวนประชากร 68 ล้านคน หรือเฉลี่ย 1 คนต่อ 1.2 เครื่อง โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียผ่านโทรศัพท์มือถือถึง 40 ล้านคน โซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Facebook, YouTube, Line, Instagram and Twitter ตามลำดับ
ทั้งนี้ห้างเซ็นทรัลที่มีช่องทางการสื่อสารผ่าน Facebook, YouTube, Instagram และ Twitter อยู่แล้ว จึงต้องการขยายไปสู่ Line เพราะ Line เป็น 1 ใน 3 ของ Social Media ที่มีคนใช้บริการมากที่สุด ประมาณ 70 นาทีต่อวัน และเป็นแอปพลิเคชันการสนทนาที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศไทย โดยคนไทยถึงร้อยละ 83 หรือมากกว่า 33 ล้านคนใช้แอปพลิเคชันนี้
ด้วยเหตุนี้ นอกจากการพัฒนาและรีโนเวทภายในตัวห้างให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว ห้างเซ็นทรัลยังเพิ่มช่องทางอย่าง Line Official Account มาพร้อมกันด้วย โดยคุณสมบัติของ Line Connect ที่ผู้ใช้งานต้องกรอกไอดี The One Card เพื่อรับสิทธิพิเศษต่าง ๆ นั้นจะทำให้เซ็นทรัลได้รับทราบข้อมูลการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าแบบรายบุคคล (เซ็นทรัลมีผู้ถือบัตร The One Card กว่า 11 ล้านคนในปัจจุบัน)
“เราตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า จะต้องมียอดดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ Line ให้ได้ 5 ล้านครั้งภายในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ที่ 3.72 ล้านครั้งแล้ว และในส่วนของ Line Connect นั้น ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 500,000 ราย โดยในปีนี้เราจะลงทุนด้านแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงปรับวิธีการซื้อสื่อ จากออฟไลน์สู่ออนไลน์แพลตฟอร์ม เช่น Facebook มากขึ้น”
โดยตัวเลขงบประมาณดังกล่าวนั้น คุณปิยะวรรณเผยว่าอยู่ที่ 1,500 – 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะแบ่งเป็นงบสำหรับสื่อดิจิทัลเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากเดิมที่อยู่ที่ 6 – 7 % เท่านั้น
จากความเปลี่ยนแปลงดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้ภาพของห้างเซ็นทรัลในอนาคตมีความชัดเจนขึ้นกับการเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรม และพื้นที่ที่จะตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มากกว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าสำหรับจำหน่ายสินค้าและบริการแต่เพียงอย่างเดียวนั่นเอง