Site icon Thumbsup

ตลาดออนไลน์วันนี้เป็นโอกาสสำคัญในการพลิกฟื้นประเทศ กับ SEA ประเทศไทย

วันนี้ทาง Thumbsup ได้รับเกียรติเข้าร่วมสัมภาษณ์ CEO หญิงเก่งของ SEA ประเทศไทย นั่นคือคุณมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) ที่เรียกได้ว่าเป็นหญิงไทยคนแรกที่นั่งในตำแหน่งบริหารหลักของ SEA Group ยูนิคอร์นตัวแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“แม้ว่า GARENA จะเข้ามาในประเทศไทยด้วยตลาดเกมและวันนี้ก็ครองความเป็นเจ้าตลาดไปแล้ว แต่เราก็ยังผลักดันใน 3 แกนหลัก คือ ดิจิทัลเอนเตอร์เทนเม้นท์ (GARENA) อีคอมเมิร์ซ (SHOPEE) และบริการด้านการเงินแบบดิจิทัล (AIRPAY) เพื่อให้ไทยเชื่อมต่อโอกาสได้รอบด้าน”

มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย)

Sea มุ่งมั่นในการต่อยอดพันธกิจของเรา ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานผ่านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่างๆจาก Sea  กล่าวคือ เราพร้อมนำเสนอประสบการณ์ดิจิทัลเหนือระดับให้แก่ผู้ใช้งาน ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อุตสาหกรรมและสังคมโดยรอบ นี่จึงเป็นหลักการที่เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจ

โดยเราดำเนินตามหลัก 3Es’ ได้แก่ EnlargeEnableEmpower ซึ่งหลักการนี้ ช่วยเร่งการเติบโตในภาคธุรกิจของ Sea เอง และยังสามารถช่วยขยายฐานสัดส่วนผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในระดับมหภาค ให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลได้อย่างกว้างขวาง ไปจนถึงสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศของคอมมูนิตี้บนอุตสาหกรรมและสังคมโดยรอบ

หัวใจหลักเร่งการเติบโต

Enlarge’ ขยายสัดส่วนของฐานผู้ใช้งาน ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การีนาสามารถขยายฐานเกมเมอร์ในประเทศไทย ผ่านสองการเปลี่ยนแปลงหลัก คือ

ด้วยผู้เล่นเกมชาวไทยที่เติบโตเร็วมาก อย่างเช่น ผลิตภัณฑ์เรือธงอย่าง  Arena of Valor (RoV) เกมบนมือถือยอดนิยม มียอดลงทะเบียนในประเทศไทยกว่า 31 ล้าน เทียบเท่าเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย ติดอันดับท็อป 4 ยอดดาวน์โหลดสูงสุดทำให้ Sea ขยายความสำคัญในการให้บริการจากเกมพีซีไปสู่เกมบนมือถือ 

จากการเป็น Game Publisher สู่การเป็น Game Developer ซึ่ง เกม Free Fire คือเกมมือถือเกมแรกที่การีนาพัฒนาเองอย่างเต็มรูปแบบ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและสามารถขยายฐานผู้เล่นเกมไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศในแถบละตินอเมริกา

เกม Free Fire มียอดดาวน์โหลดสูงถึง 450 ล้านครั้ง ทำให้ขึ้นแท่นสู่การเป็นเกมออนไลน์ Free to Play ที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดเป็นอันดับ ของโลก และยังมียอดผู้เล่นพร้อมกันสูงสุดถึง 50 ล้าน ผู้เล่นต่อวันอีกด้วย 

นอกจากนี้ ตลาดเกมบนมือถือในปีนี้ ยังเติบโตเร็วมาก เช่นเดียวกับตลาดอีคอมเมิร์ซที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมโตขึ้น 62% จึงเป็นกำลังสำคัญที่จะสร้างประเทศให้เป็น Digital Economy ได้

Enable’ ทำให้เกิดการใช้งานจากผู้บริโภคในวงกว้าง ผ่านความเข้าใจตลาดและความต้องการของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศ เช่น บนการีนาจากเกม Free Fire ที่ทำให้เกมกลายเป็น ‘Inclusive entertainment

โดยเกม ‘Free Fire’ ใช้เมมโมรี่น้อยลง โดยไม่ลดคุณภาพของเกมเพื่อสามารถดาวน์โหลดและเล่นได้ ตอบโจทย์กับความต้องการของเกมเมอร์ใน emerging market  สำหรับอีคอมเมิรซ์อย่างช้อปปี้ ใช้พรีเซ็นเตอร์เป็นดาราชั้นนำอันดับหนึ่ง เช่น ญาญ่า-ณเดชน์ แบมแบม GOT7 BLACKPINK ควบคู่กับกิจกรรม “Gamification” ต่างๆ เพื่อนำไปสู่การรับรู้และใช้งานในวงกว้าง เช่น Shopee LIVE Shopee Quiz  และ Shopee Shake Shake 

นอกจากนี้ ช้อปปี้ยังนำเหล่าดารามาร่วมกิจกรรม ดำเนินรายการ ชวนผู้ใช้มาเล่นเกมส่งผลให้ระยะเวลาการใช้งานที่ผู้บริโภคใช้บนช้อปปี้ยาวนานขึ้น ไปจนถึงการ ‘Enable’ ทำให้เกิดเครือข่ายของผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจด้วยการใช้อีคอมเมิร์ซและเพิ่ม “ตัวเลือก” ให้ผู้บริโภค ผ่านผู้ขายที่มีเข้ามาในช้อปปี้มากขึ้น อีกด้วย

Empower’ สร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องและสังคมโดยรอบโดยมีแพลมฟอร์มของ Sea เป็นศูนย์การของแต่ละชุมชนไม่ว่าจะเป็น ทั้งในด้านของคอมมูนิตี้บนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และสังคมโดยรอบ เพื่อทำให้ระบบนิเวศของแต่ละอุตสาหกรรมแข็งแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คอมมูนิตี้ของผู้ประกอบการรายย่อยที่จะได้รับความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของกลุ่มผู้ค้าขายจาก Shopee University คอมมูนิตี้ภาคการศึกษาผ่านการสนับสนุนและพัฒนาความสามารถของคนรุ่นใหม่  

เมื่อเร็วๆ นี้  Sea ยังได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ริเริ่มการมอบทุน Sea Scholarship  นอกจากนี้ Sea ยังได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ 10 in 10 Initiative’ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพ ‘Digital Talent’ ในตลาดแรงงานทุกระดับ  โดย Seaพร้อมส่งมอบ ‘Digital Talent’ กว่า 10 ล้านคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ภายในระยะเวลา 10 ปี

แม้ว่าทาง SEA จะยังไม่มีการลงทุนใหม่ๆ แต่ก็ยังเดินหน้าสานต่อธุรกิจที่มีในมือให้คนไทยใช้งานออนไลน์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Shopee ที่เริ่มต้นลงทุนด้านโลจิสติกส์แบบเล็กๆ เพื่อตอบโจทย์การส่งสินค้าให้ถึงมือภายใน 1 วัน สำหรับกรณีเร่งด่วน

การผลักดันกีฬาอีสปอร์ตให้เกิดขึ้นในไทยได้อย่างแท้จริงร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งรัฐและเอกชน โดยที่ผ่านมามีการนำภาพลักษณ์ตัวละครหรือคาแรคเตอร์ที่คนไทยคุ้นเคยไปใส่ในเกม ROV และโปรโมทไปทั่วโลก เพื่อเพิ่มการจดจำในความเป็นไทย

รวมทั้งช่วยให้ทุกการใช้จ่ายเป็นเรื่องง่ายขึ้น โดยจะสนับสนุนให้ผู้ที่ใช้งาน Shopee ใช้จ่ายผ่าน Airpay ได้สะดวกขึ้น

จากจำนวนประชากรอินเทอร์เน็ตที่สูงถึง 63% คนไทยเรียกว่ามีจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงเป็นอันดับ 3 ในโลก และธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตสูงสุดคือ อีคอมเมิร์ซ เกม ท่องเที่ยวและบริการส่งอาหาร

ถึงแม้ว่าการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซจะดุเดือดมาก แต่บริษัทก็ยังมั่นใจในโอกาสและการเติบโตของ Shopee อยู่ เชื่อว่าทุกค่ายก็พยายามที่จะ Educate ตลาดให้มากที่สุด เพราะคนไทยยังช้อปออนไลน์เพียงแค่ 3% แม้ภาพรวมเม็ดเงินจะโต แต่ก็กระจุกอยู่แค่คนบางกลุ่ม ซึ่งต้องดูในระยะยาวว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมคนได้มากแค่ไหน เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เวลา

SEA เริ่มเข้ามาในไทยปี 2012 ถือว่าช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ แต่เราเริ่มต้นให้บริการ Shopee ในไทยก่อนเพราะเห็นความต้องการและโอกาสในการเติบโต แต่ก็ยังขาดเรื่องของ Facilities บางอย่างที่ยังทำให้อีคอมเมิร์ซไม่ใช่ทุกอย่างของคนไทย ซึ่งการทำงานของเราคือยืดหยุ่นให้กับทีม เรายังเรียกตัวเองว่า Startup เพราะการทำธุรกิจวันนี้ ต้องปรับตัวได้ตลอด

นอกจากนี้ จำนวนของผู้ขาย SME ในระบบของ Shopee ก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็น 150% และมีคนดาวน์โหลดเพิ่มขึ้น 60% แสดงให้เห็นว่าคนไทยจำแบรนด์ Shopee และสนใจอยากทดลองใช้งานมากขึ้น

หากลูกค้าเข้ามาใช้บริการของเราแล้วรู้สึกชอบ สนุก สบาย ก็จะนึกถึงเราเสมอ จึงมีการดึงเรื่อง Entertainment มาเสริมตลอด หรืออย่าง LIVE ที่ให้นักช้อปได้เห็นสินค้าก่อนตัดสินใจ ส่วนเรื่องของอีโคซิสเต็มที่เกื้อหนุนให้เรามีรายได้นั้น ในกรณีของไต้หวัน ต้องเรียกว่าไต้หวันเป็นประเทศที่มีความพร้อมทุกด้าน ทั้งพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ การจ่ายเงิน และขนส่ง เราแค่นำแพลตฟอร์มเข้าไปให้บริการทุกอย่างก็เร็วเลย

 

ทางด้านของภาพรวมธุรกิจของ SEA ประเทศไทย ยังคงเห็นได้ว่ามีการเติบโตที่ดีขึ้นทุกกลุ่ม แม้จะไม่สามารถบอกเม็ดเงินรายได้ แต่จากการขยายตัวของฐานลูกค้า จำนวนร้านค้าและผู้ใช้งานที่ดาวน์โหลดบริการของเราไปไว้ในเครื่องก็ย่อมมีโอกาสใช้งานมากขึ้น

ทั้งนี้ Sea ยังคงดึงจุดเด่นของบริการที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เช่น เราโดดเด่นเรื่องการเติมเงินในเกมหรือจ่ายค่าตั๋วหนัง เราก็อยากจะขยายไปในกลุ่มต่างๆ มากขึ้น อย่าง AIRPAY ที่ตอนนี้มีคนดาวน์โหลด 7.5 ล้าน ก็อยากเพิ่มเป็น 10 ล้านดาวน์โหลด โดยจะผลักดันให้ผู้ใช้งานจ่ายเงินค่าเกมและช้อปปิ้งผ่าน AIRPAY ให้มากขึ้น

หากประเทศไทยยังคงมีการผลักดันในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล การสานต่อนโยบายและผลักดันให้คนไทยเข้าสู่โลกออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในหลายด้านแบบต่างชาติมากขึ้น ก็น่าจะสร้างโอกาสทางรายได้ใหม่ๆ นำมาใช้ในการพัฒนาประเทศได้อย่างแน่นอน