จากงาน CES 2017 ที่เพิ่งจบไป เชื่อว่าหลายคนคงได้เห็นแล้วว่าปีนี้เป็นปีที่เทรนด์แห่ง “เสียง” กำลังจะมา เสียงที่ว่าก็คือการออกคำสั่งด้วยเสียงกับระบบอัตโนมัติที่ฝังตัวอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทีวี ตู้เย็น หลอดไฟ ฯลฯ ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังหลักๆ ที่สร้างชื่อได้กระหึ่ม CES ก็มีอยู่สองรายได้แก่ Amazon Alexa และ Microsoft Cortana นั่นเอง
โดยผู้ช่วยดิจิทัลเหล่านี้จะทำให้การใช้งานเทคโนโลยี (รวมถึงการใช้ชีวิต) ง่ายขึ้นอย่างมาก ลองนึกภาพผู้สูงอายุสามารถสั่งการผู้ช่วยดิจิทัลให้ทำสิ่งต่างๆ แทนได้อย่างสะดวกแทนที่จะต้องมานั่งจิ้มบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเล็กๆ อาจทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้น
อีกหนึ่งคำยืนยันที่ดีก็คือ การที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่างมีแผนจะผนวกผู้ช่วยดิจิทัลลงในรถยนต์เพื่อรับคำสั่งเสียงจากผู้ใช้งาน เช่น Nissan Motor ที่จับมือกับ Cortana ลงในรถยนต์รุ่น Leaf โดย Cortana จะช่วยส่ง Mail ให้เจ้าของรถได้ ปรับเปลี่ยนเส้นทางได้ สอบถามสภาพจราจรได้ และอีกมากมายหลายบริการ รวมถึงอาจคุยกันข้ามเครือข่าย เช่น ที่บ้านมี Alexa อยู่ Cortana ในรถยนต์ก็อาจบอกผ่าน Alexa ไปยังคนที่บ้านว่า คนในรถคันนี้กำลังจะมาถึงแล้วนะ
BMW ก็มาแนวเดียวกัน นั่นคือการนำผู้ช่วยดิจิทัลของ Microsoft ลงไปอยู่ในรถของบริษัทด้วย โดยมีหน้าที่ช่วยงานเจ้าของรถไม่ต่างจากที่ Nissan ทำ เช่น ช่วยจัดตารางนัดหมาย ช่วยแนะนำเส้นทาง ช่วยจองโต๊ะดินเนอร์
ส่วนอีกสองค่ายยักษ์ใหญ่ Ford และ Volkswagen นั้นเลือกระบบผู้ช่วย Alexa และ Alexa ของ Ford สามารถควบคุมได้ตั้งแต่อุปกรณ์ภายในบ้านไปจนถึงการสตาร์ทรถยนต์ให้ผู้ใช้เลยทีเดียว
สำหรับเมืองไทย ส่วนตัวผู้เขียนมองว่า เราจะได้ใช้งานเทคโนโลยีการสั่งการด้วยเสียงแน่นอนในอนาคตอันใกล้ เพราะสังคมของเราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุกันเรียบร้อย เมื่อผนวกการสั่งการด้วยเสียงเข้ากับเรื่องที่เทรนด์ของสินค้า IoT กำลังบูมในเอเชีย ก็เชื่อว่า อย่างน้อย ระบบนี้จะทำให้ลูกหลานที่ต้องให้คุณพ่อคุณแม่สูงอายุอยู่บ้านตามลำพัง และตัวเองออกไปทำงานจะทำงานได้ด้วยความสบายใจมากขึ้น
ที่มา: Adweek