จริงอยู่ที่นักการตลาดทั่วโลกกำลังสนใจเทคโนโลยีการสั่งการด้วยเสียง ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น แต่งาน CES 2018 ที่เพิ่งจบลงไปได้กำหนดมาตรฐานใหม่ในการสั่งการด้วยเสียงแล้วว่า เราควรจะมี “หน้าจอ” ในการสั่งการด้วย โดยภายในงานปีนี้ เราจึงได้เห็น Google ประกาศจับมือกับบริษัทผู้ผลิตอย่าง Lenovo, JBL และ LG เปิดตัวอุปกรณ์ในกลุ่ม “Smart Display” เพื่อมาเป็นคู่แข่งของ Amazon Echo Show รวมถึง Samsung ที่นำจอทีวีขนาดยักษ์มาพ่วงเข้ากับ Bixby เพื่อรับคำสั่งเสียงได้เช่นกัน
ทั้งนี้ การมาถึงของ Smart Display ช่วยให้การสั่งการด้วยเสียงเป็นรูปเป็นร่าง และสื่อสารกันได้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เวลาเราสั่งให้ลำโพงเปิดเพลงให้ฟัง แล้วเกิดอยากทราบว่าเพลงนั้นเป็นของศิลปินคนใด ก็ต้องขัดจังหวะการเล่นเพลงเพื่อถามกับลำโพงหรือไม่ก็ต้องรอจนจบเพลงก่อนจึงค่อยถาม แต่ถ้ามีหน้าจอด้วย เราก็สามารถดูชื่อของศิลปินได้เลยทันที
แต่ถ้าจอเล็ก ๆ ดูไม่ถนัด อยากได้จอใหญ่ ๆ แถมมีผู้ช่วยอัจฉริยะมาด้วยก็ต้องเป็น Samsung ที่เปิดตัว The Wall ในฐานะ Self-emitting Modular MicroLED กับหน้าจอขนาด 146 นิ้ว โดยแนวคิดของ Samsung ค่อนข้างพร้อมแล้วในการจะเชื่อมต่อทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ภายในบ้าน และสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกัน ส่วนผู้ช่วยอัจฉริยะ Samsung ก็มี Bixby มาช่วยไม่ต่างจาก Google และ Amazon เช่นกัน ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นผ่านแพลตฟอร์ม SmartThings ซึ่งเป็น IoT Hub นอกจากนี้ ในปี 2018 ยังจะมีการเปิดตัว Universal Guide ซึ่งเป็นโปรแกรมไกด์ที่จะช่วยแนะนำรายการทีวีและคอนเท้นต์ต่างๆ ตามความชื่นชอบของผู้ใช้งานแบบอัตโนมัติด้วย
ซึ่งหากเทรนด์เป็นเช่นนี้ นักการตลาดอาจยิ้มได้เลย เพราะเราจะได้เห็นการกระจายตัวของผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Alexa, Google Assistant หรือ Bixby ไปอยู่ตามเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีหน้าจอมากขึ้น เช่น ตู้เย็น กระจกในห้องน้ำ จอในห้องครัว ฯลฯ และช่องทางที่มาจากอุปกรณ์ที่ระบุประเภทชัดเจนนี้อาจทำให้การทำตลาดทำได้อย่างเจาะจงมากขึ้นด้วย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Engadget