ในยุคที่โลกเปลี่ยนไปทุกวัน ด้านแง่มุมของพนักงานข่าวการปรับลดพนักงานอาจไม่ใช่เรื่องดีนัก และช่อง 3 เอง ก็จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมของผู้ชมในอนาคต และแน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทีมบริหารจำเป็นต้องหั่นลดขนาดขององค์กร เพื่อปรับความเหมาะสมให้กับการดำเนินธุรกิจในอนาคต
นายอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. บีอีซี เวิลด์ ได้ชี้แจงกับพนักงานถึงกลยุทธ์และแนวทางการทำธุรกิจของบริษัทในปี 2020 เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกลยุทธ์ของช่อง 3 จะครอบคลุมด้านคอนเทนต์ ที่จะมีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับผู้ชม โดยเฉพาะการปรับคอนเทนต์ในช่วงไพรม์ไทม์ที่เริ่มชิงคนดูตั้งแต่เวลา18:00 จนถึง 22:30 น.กลยุทธ์ต่อมาคือการเปิดตัว ‘CH3+’ (ซีเอชสามพลัส) ออนไลน์แพลตฟอร์มโฉมใหม่ ที่จะเป็นตัวเชื่อมทีวีและออนไลน์เข้าด้วยกัน
นอกจากนี้ การเดินหน้าธุรกิจด้วยกลยุทธ์ D2C หรือ Direct to Consumers ทำให้เจ้าของสินค้าทำได้มากกว่าการโฆษณา เพื่อการจดจำเท่านั้น แต่จะสามารถเพิ่มยอดขายและจำนวนลูกค้าได้ทันทีที่รับชมอีกด้วย และรวมถึงกลยุทธ์การขายคอนเทนต์ของช่อง 3 ไปยังต่างประเทศ ซึ่งการทำกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ทำให้ช่อง 3 ต้องมีการปรับการทำงานขององค์กรให้มีความคล่องตัว ลดการทับซ้อนในการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันดังที่กล่าวไว้ในสภาวะที่เม็ดเงินโฆษณามีการหดตัวอย่างต่อเนื่อง และส่งผลต่อรายได้ของบริษัทให้ลดลง ทางบริษัทจึงมีความจำเป็นที่จะต้องลดขนาดขององค์กรลง
ดังนั้น บริษัทจึงได้แจ้งต่อพนักงานถึงโครงการสมัครใจลาออก โดยจะมีการเปิดโครงการในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เพื่อให้พนักงานที่สนใจได้แสดงความจำนงค์ ซึ่งโครงการนี้ได้จะขึ้นอยู่กับความสมัครใจของพนักงานอย่างแท้จริง ซึ่งการดำเนินงานตามกลยุทธ์ที่กล่าวมา รวมถึงการปรับโครงสร้างและลดขนาดขององค์กรในครั้งนี้จะทำให้ บมจ. บีอีซี เวิลด์ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว กลับมาทำกำไร และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
งานนี้อาจดูไม่สวยงามสำหรับคนทำงานแต่ทุกธุรกิจต่างก็ต้องปรับตัวและหาทางรอดในระยะยาว