Site icon Thumbsup

ประเมินกระแส “ช่อง 3 ปลดพนักงาน” มีอิมแพคหรือแค่ไฟไหม้ฟาง?

หลังจากเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลไทยตลอดวันจันทร์ต้นสัปดาห์ จนถึงการชี้แจงของฝ่ายประชาสัมพันธ์ ว่า “ช่อง 3” ไม่ได้ปลดพนักงานฟ้าผ่าเกือบร้อยคนอย่างที่เป็นข่าว เพียงไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวนี้ทำให้เราเห็นความจริงของโลกธุรกิจบางอย่าง ซึ่งสะท้อนว่ากระแสที่สร้างอิมแพคได้ และกระแสที่เป็นแค่ไฟไหม้ฟางนั้นมีเส้นบางๆคั่นอยู่เท่านั้น

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา โลกออนไลน์ไทยตกใจกับข่าวว่า “ไทยทีวีสีช่อง 3” ทนพิษเศรษฐกิจไม่ไหว ทำให้ตัดสินใจปลดพนักงานฝ่ายข่าวที่ส่วนใหญ่มีอายุ 40-55 ปีแบบฟ้าผ่ากว่า 80 คน ทำให้ช่อง 3 ออกแถลงการณ์ชี้แจงในเย็นวันนั้นว่าข่าวนี้คลาดเคลื่อน เพราะการเลิกจ้างเป็นส่วนหนึ่งของแผนเกษียนและการสมัครใจลาออก ทั้งอายุพนักงานส่วนใหญ่และจำนวนล้วนไม่ถูกต้อง เนื่องจากช่อง 3 ยังไม่ได้ฟันธงจำนวนพนักงานที่เตรียมปรับโครงสร้าง

แถลงการณ์นี้สามารถสยบข่าวลือได้อยู่หมัด กระแสข่าวนี้จึงเงียบไปภายใน 2 วัน

มาแค่วูบเดียวก็จาง?

หากจะบอกว่ากระแสนี้เป็นแค่ไฟไหม้ฟางที่มาเพียงวูบเดียวแล้วจางไปก็ได้ เพราะเมื่อพิจารณาถึงคีย์เวิร์ดอย่าง “ช่อง 3” การค้นหาบน Google Trend นั้นที่เกี่ยวข้องกับการปลดพนักงานฝ่ายข่าวนั้นมีน้อยมาก และส่วนใหญ่ยังเป็นการค้นหาคอนเทนต์ของช่อง 3 อย่างเหนียวแน่น

การค้นหาคำว่า “ปลดพนักงาน” ก็ไม่ได้ฮอตบน Google จุดนี้แสดงว่าคนทั่วไปไม่ได้สนใจค้นหาข้อมูลเรื่องนี้ต่อบนเสิร์ชเอนจิ้น

สิ่งที่พอจะสรุปได้ คือข่าวปลดพนักงานของช่อง 3 นั้นยังเป็นกระแสน้อยกว่าข่าวการปลดพนักงานเทสโก้โลตัส เพราะคีย์เวิร์ด “โลตัส ปลดพนักงาน” นั้นร้อนแรงชัดเจนในช่วงปลายกันยายน 2018 ที่ผ่านมา รวมถึง “ป ต ท ปลดพนักงาน” ที่เป็นคีย์เวิร์ดฮิตมากกว่า

อิมแพคไม่เบา

ไม่ว่าอย่างไร ข่าวลือนี้ทำให้เกิดอิมแพคหนึ่งขึ้นมาอย่างน่าสนใจ นั่นคือการจุดประกายเรื่องโลกเปลี่ยน ความร้อนแรงของเศรษฐกิจดิจิทัลทำให้ธุรกิจดั้งเดิมที่เคยครองตลาดได้รับผลกระทบโดยตรง ประเด็นนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงท่ามกลางเสียงเห็นด้วยอย่างมาก ถือว่าประเด็นนี้ถูกแชร์มากกว่าประเด็นการให้กำลังใจคนที่ถูกเลิกจ้างอย่างชัดเจน

อิมแพคนี้ทำให้มีการยกข้อมูลเพื่อสะท้อนสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสื่อไทย มีการเปรียบเทียบกับหลายบริษัทที่ประกาศปิดตัว และปรับโครงสร้างในช่วงปีนี้ ข้อมูลเหล่านี้เรียก engagement ได้มาก เช่นโพสต์นี้ที่มีความคิดเห็น 435 รายการบนยอดแชร์มากกว่า 5,159 ครั้ง

ท้ายที่สุด แง่มุมธุรกิจที่เราได้รับจากเรื่องนี้คือ “แบรนด์สำคัญอันดับ 1” เพราะไม่ว่าจะมีการจุดประกายเรื่องเศรษฐกิจเปลี่ยนแค่ไหน แต่แบรนด์ใหญ่อย่างช่อง 3 ก็เลือกที่จะแบ่งรับแบ่งสู้ ชี้แจงให้สื่อมวลชนเข้าใจว่าช่อง 3 พยายามปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเลี่ยงไม่พูดถึงผลกำไรที่ลดลง ซึ่งเป็นภาพที่ติดแน่นบนแบรนด์ช่อง 3 ไปแล้วในขณะนี้

ด้านล่าง คือแถลงการณ์ฉบับเต็มของไทยทีวีสีช่อง 3

*****

เรียนท่านสื่อมวลชน

ตามที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับการเลิกจ้างพนักงาน ของไทยทีวีสีช่อง 3 มาก่อนหน้านี้ ไทยทีวีสีช่อง 3 ขอเรียนแจ้งข้อเท็จจริง เนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อนในเนื้อหาที่นำเสนอ ดังนี้

๑. ในช่วงที่ผ่านมาไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาถึงจำนวนพนักงานและการตอบแทนพนักงานหลังเกษียณอายุ เนื่องจากไทยทีวีสีช่อง 3 มีจำนวนพนักงานจำนวนหนึ่งที่อายุเกินกว่า 60 ปี ดังนั้นโครงการเกษียณอายุ จึงถือเป็นทางเลือกให้กับพนักงานกลุ่มนี้ ซึ่งจำนวนผลตอบแทนที่มอบให้ในโครงการเกษียณก็สูงกว่าสิ่งที่กฏหมายแรงงานได้กำหนดไว้ พร้อมทั้งยังมีการมอบประกันสุขภาพให้พนักงานที่เข้าโครงการต่อไป เพื่อให้พนักงานยังสามารถมีประกันสุขภาพดูแลตนเองต่อไปแม้จะเกษียณอายุไปแล้ว

๒. กรณีที่พนักงานรับเงินตามโครงสร้างการเกษียณแล้ว แต่บริษัทยังเล็งเห็นศักยภาพว่ายังสามารถปฏิบัติภารกิจในตำแหน่งงานนั้นได้ต่อไปอย่างเต็มที่ พนักงานผู้นั้นก็จะได้รับการว่าจ้างต่อไปตามความเหมาะสม

๓. ตามที่มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางไทยทีวีสีช่อง 3 มีการปลดพนักงานกว่า 80 คนนั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นความจริง เพราะขณะนี้บริษัทยังอยู่ในการพิจารณาอัตรากำลังที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของทีวีดิจิตอล ซึ่งยังไม่ได้มีเป้าหมายหรือตัวเลขที่ชัดเจนแต่อย่างใด

๔. อีกทั้งกรณีที่มีการเสนอข่าวว่า มีการปลดพนักงานอายุระหว่าง 40-55 ปีนั้นก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้วพนักงานในวัยนี้ถือเป็นกำลังสำคัญต่อการผลิตผลงานคุณภาพของไทยทีวีสีช่อง 3

ไทยทีวีสีช่อง 3 ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรอยู่เสมอ เพราะพวกเขาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรและผลิตผลงานคุณภาพเพื่อผู้ชม สำหรับโครงการนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทำเพื่อปรับองค์กรให้เข้ากับสภาวะตลาด และเพื่อให้พนักงานได้มีโอกาสเลือกแผนในการดำเนินชีวิตของเขาต่อไป

จึงใคร่ขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับท่านสื่อมวลชนตามนี้

ขอขอบพระคุณ
ไทยทีวีสีช่อง 3