ในช่วงนับถอยหลังที่โลกกำลังรอคอยบริการสตรีมมิ่งวิดีโอของ Disney ล่าสุดยักษ์ใหญ่คอนเทนต์บันเทิงควงแขนพันธมิตรคนสำคัญอย่าง Charter ประกาศว่าจะร่วมกันปราบปรามไม่ให้ลูกค้าแบ่งปันรหัสผ่านเพื่อชมเนื้อหาอย่างไม่ถูกต้อง ซึ่งแม้จะไม่มีการลงรายละเอียด แต่ก็เป็นถ้อยแถลงที่ทำให้โลกตื่นตัวไม่น้อย
Charter นั้นเป็นผู้ให้บริการเคเบิลทีวีรายหลักของสหรัฐฯ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา Charter ประกาศความร่วมมือกับ Disney ซึ่งทำให้มั่นใจว่าผู้ชมจะสามารถชมรายการจากสถานี ABC และ ESPN ได้ต่อเนื่องทุกช่องทาง รายงานย้ำด้วยว่าผลจากดีลกับ Disney ทำให้ Charter ปูทางจำหน่ายกล่อง set top box ของตัวเองในตลาดสหรัฐอเมริกาได้อย่างจริงจังต่อไป
ใช้ทั้งกฏและเทคนิค
ดีลระหว่าง Charter และ Disney ถูกมองว่าเป็นความคืบหน้าสำคัญของงานปราบปรามขบวนการ “แชร์ล็อกอิน” ซึ่งทำให้ผู้ให้บริการคอนเทนต์มีรายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น โดยในดีลระบุว่าทั้ง Charter และ Disney จะร่วมกันใช้ “กฎและเทคนิคทางธุรกิจ” เพื่อแก้ไขปัญหาการเข้าถึงเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการแบ่งปันรหัสผ่านด้วย
คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำขู่ เพราะแหล่งข่าวของสำนัก Bloomberg เผยว่าตั้งแต่ปี 2017 ที่ผ่านมา Charter มีนโยบายให้โปรแกรมเมอร์ลดสัญญาณสตรีมมิ่งแบบต่อเนื่องลง และกำหนดให้ลูกค้าต้องป้อนข้อมูลประจำตัวของบัญชีเพิ่มเติมถี่ครั้งมากขึ้น รายงานเดียวกันนี้เองยังระบุว่า Disney ได้ลดเงื่อนไขจำนวนเครื่องสำหรับชมสตรีมมิ่งพร้อมกันลงครึ่งหนึ่งจาก 10 เครื่องเหลือ 5 เครื่อง (ชมผ่านแอป ESPN) และยังลดลงอีกต่อเนื่องจนเหลือ 3 เครื่องที่สามารถชมได้พร้อมกันในครั้งเดียว
2 ปีต่อมา Spectrum แบรนด์ลูกของ Charter ยังคงยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าการแชร์รหัสผ่านเป็นปัญหาสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมทีวีวันนี้ ก่อนจะเปรียบเทียบว่าเป็นการกระทำที่ละเมิดลิขสิทธิ์ ความท้าทายหลักที่ผู้ให้บริการต้องเผชิญคือทุกอย่างเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมโดยไม่ทำให้ลูกค้าที่ชำระเงินถูกต้องตามกฎหมายได้รับความเดือดร้อนรำคาญ
ขณะเดียวกัน การจำกัดจำนวนเครื่องสตรีมมิ่งที่เข้มงวดยิ่งขึ้นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อขบวนการแชร์รหัสผ่าน เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ การสำรวจโดย CordCutting.com พบว่า 16.5% ของผู้ชม Hulu ลงชื่อเข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลของคนอื่น แม้ว่า Hulu จะอนุญาตให้ผู้ชมเปิดอุปกรณ์สตรีมมิ่งได้ครั้งละ 1 เครื่องเท่านั้นในบริการวิดีโอ on-demand ขณะที่ Netflix ซึ่งมีแพคเกจยอดนิยมที่อนุญาตให้ผู้ชมใช้บริการสตรีมมิ่งผ่าน 2 อุปกรณ์พร้อมกัน ก็ยังมีสัดส่วนผู้แชร์รหัสผ่านในระดับเดียวกันคือราว 15%
Netflix ไม่เห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าทุกบริษัทสตรีมมิ่งทีวีจะกระตือรือร้นที่จะขจัดขบวนการแชร์รหัสผ่านเหมือนกับที่ Spectrum และ Charter มอง เพราะ Reed Hastings ซีอีโอ Netflix เคยให้สัมภาษณ์ว่าการแชร์รหัสผ่านเป็นสิ่งที่ผู้ให้บริการทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วย
เสริมว่าการแบ่งปันรหัสผ่านที่ “ถูกกฎหมาย” ระหว่างสมาชิกในครอบครัวนั้น ยากมากที่จะแยกความแตกต่างจากการแชร์รหัสผ่านระหว่างคนทั่วไปที่กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น แนวคิดนี้ทำให้ Netflix ไม่มองว่าการแชร์รหัสผ่านเป็นปัญหาใหญ่ แล้วหันไปให้ค่ากับงานพัฒนาด้านอื่นแทน
ที่มา: : FastCompany