ประเทศจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 รายงานว่าไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นระยะเวลากว่า 2 เดือน และพบผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 81,000 รายในประเทศ
นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของมณฑลหู่เป่ยที่ต้องต่อสู้กับการระบาดของไวรัสครั้งใหญ่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม มาตรการกักกันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะผู้คนกว่า 50 ล้านคนที่ต้องถูกกักกันอยู่ภายในบ้าน
สถานการณ์ในปัจจุบันไวรัสโควิด-19ได้แพร่ระบาดหนักไปทั่วโลก ขณะที่ประเทศจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมเริ่มกลับมาทำงานแล้ว
Ben Cowling ศาสตราจารย์และหัวหน้าภาคระบาดวิทยาและชีวสถิติ ของ Hong Kong University’s School of Public Health กล่าวว่า
“เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าสถานการณ์จีนเกือบจะยุติการระบาดแล้ว คำถามสำคัญคือ อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมีการระบาดระรอกที่สอง เพราะมาตรการต่างๆ ที่ใช้ยับยั้งนั้นไม่ได้เป็นมาตรการระยะยาว”
แม้ว่าผู้ป่วยรายใหม่ในมณฑลหู่เป่ยจะลดลงเหลือศูนย์ แต่จีนก็กำลังเผชิญกับความกังวลอื่นๆ เนื่องจากยังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 34 คน และทั้ง 34 คนนั้น ล้วนเป็นคนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หรือใกล้ชิดกับคนที่มาจากประเทศอื่น
สถานการณ์ปัจจุบัน
รายงานพบผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 211,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 8,700 ราย การแพร่ระบาดยังไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอิตาลี หลายประเทศปิดพรมแดน ปิดโรงเรียน กิจกรรมต่างๆ รวมถึงการแข่งขันกีฬาถูกเลื่อนออกไป ขณะที่การท่องเที่ยวและห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มูลค่าเศรษฐกิจโลกอาจหายไปกว่า 2.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ประมาณ 3.3% หรือเทียบเท่ากับ GDP ของประเทศอินเดีย
ที่มา Bloomberg