Site icon Thumbsup

จีนเทเงินซื้อ ”mobile ads” มากกว่าสหรัฐฯ

AppFlood-china-vs-usa-ad-spend-trend-2013-720x510

โลกต้องบันทึกว่าไตรมาสที่ 3 ปี 2013 คือไตรมาสแรกที่บริษัทสัญชาติจีนมียอดการซื้อโฆษณาบนอุปกรณ์พกพามากกว่าบริษัทสัญชาติอเมริกัน โดยรายงานระบุว่ากลุ่มเป้าหมายของจีนในการกระหน่ำลงโฆษณาพกพาคือผู้บริโภคในกลุ่มประเทศอาเซียนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง

รายงานจากแพลตฟอร์มโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาสัญชาติจีนอย่าง AppFlood ระบุว่าจีนมีอัตราการใช้จ่ายในตลาด mobile ads มากกว่าสหรัฐฯถึง 25% โดยบริษัทออนไลน์รายใหญ่ของจีนอย่าง Baidu และ Qihoo ต่างเพิ่มงบประมาณการซื้อโฆษณาบนอุปกรณ์พกพามากกว่า 151% ในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายนที่ผ่านมา

Francis Bea โฆษก AppFlood ระบุว่าอัตราการใช้จ่ายในตลาด Mobile ad โดยนักพัฒนาฯจีนนั้นทะลุแซงบริษัทอเมริกันตั้งแต่เดือนกันยายน อย่างไรก็ตาม AppFlood เชื่อว่าเม็ดเงินมหาศาลของบริษัทจีนนั้นไม่ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการแข่งขันกับบริษัทอเมริกันในตลาดซีกโลกตะวันตก แต่เป็นการพุ่งเป้าไปที่ซีกโลกตะวันออก

พื้นที่หลักที่บริษัทจีนกำลังคาดหวังว่าจะขยายทราฟฟิกการใช้งานให้ได้คือตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนบ้านเรา จุดนี้ AppFlood ระบุว่ายอดโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาที่บริษัทจีนลงทุนเพื่อดึงดูดผู้บริโภคแดนมังกรนั้นกลับคิดเป็นสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของงบประมาณรวม แต่ตัวเลขการลงทุนเพื่อรุกตลาดอินเดียกลับคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 7.2% หรือ 6.5% เพื่อดึงดูดผู้ใช้ซาอุดิอาระเบีย

สำหรับประเทศในอาเซียน สำนัก Tech in Asia ระบุว่าบริษัทจีนลงทุนโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาเพื่อดึงดูดชาวอินโดนีเซียคิดเป็นสัดส่วน 4.9% ของงบประมาณรวม ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่า 3.8% ที่จีนต้องการดึงดูดชาวไทย

ในภาพรวม ข้อมูลระบุว่างบลงทุนโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาในอาเซียนของบริษัทจีนนั้นสูงกว่าการลงทุนเพื่อดึงดูดชาวจีนมากกว่า 28 เท่าตัว จุดนี้ AppFlood ยังระบุว่านักพัฒนาจีนหลายรายใช้อาเซียนและตะวันออกกลางเป็นตลาดทดสอบแอปพลิเคชันหรือเกมก่อนจะวางตลาดโลกด้วย ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่นักพัฒนาในชาติตะวันตกใช้แคนาดาและนิวซีแลนด์เป็นตลาดทดลองขายก่อนจะเปิดให้บริการเต็มตัว

สิ่งที่เราสามารถสรุปได้จากข่าวนี้คือความสำคัญของตลาดอาเซียนที่กำลังฉายแสงมากขึ้นบนเวทีโลก ซึ่งแนวโน้มนี้เชื่อว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดไอทีโลกตลอดช่วงไม่กี่ปีหลังจากนี้

ที่มา: TechinAsia