ปีนี้หลายแบรนด์คงเค้นกลยุทธ์ที่จะเอามาชนะคู่แข่งและชิงกระแสกันแบบดุเดือด แต่กลยุทธ์ไหนกันที่แบรนด์ใหญ่เลือกใช้และสามารถชิงพื้นที่สื่อ ปาดหน้าคู่แข่งได้ขาดลอย วันนี้เราจะมาพาทุกคนมารู้จักกลยุทธ์ Co – Branding ที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในปี 2019
เข้าใจกลยุทธ์ Co – Branding
Co – Branding ก็คือกิจกรรมทางการตลาดตั้งแต่สองแบรนด์มาร่วมมือกัน ซึ่งส่วนใหญ่เลือกที่จะสร้างแคมเปญในช่วงเวลาสำคัญต่างๆ เช่น ปีใหม่ ซึ่งเป็นเทศกาลแห่งปี
โดยการรวมแบรนด์นี้ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็มารวมกันได้ แต่ต้องเลือกแบรนด์ที่สามารถเข้ากันได้ ซึ่งผู้บริหารแบรนด์หลายคนเรียกวิธีการนี้ว่า การแต่งงานระหว่างแบรนด์
เนื่องจาก กลยุทธ์แบบนี้คือการที่นำสองธุรกิจมารวมกัน กลุ่มเป้าหมายต่างก็มีความชอบที่แตกต่างกัน ต่อให้คล้ายกันก็ยังไม่เหมือนกันอยู่ดี
การจะชักจูงให้กลุ่มเป้าหมายทั้งคู่รู้สึกในทิศทางเดียวกันถือว่ายากมาก แต่ก็เป็นความท้าทายของนักการตลาดที่จะฝ่าฟันไปให้ได้
เพราะถึงยากยังไงข้อดีของการ Co – Branding ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่จะมาช่วยให้แบรนด์ฝ่าวิกฤติมายืนหนึ่งได้เช่นกัน
ข้อดีของการ Co – Branding
- สร้าง Collection Limited ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดขายได้เป็นอย่างดี โดยส่วนใหญ่การสร้าง Collection Limited แบรนด์มักจะไปร่วมมือกับการ์ตูนดังๆ เช่น Disney หรือ Line ที่มั่นใจว่าลูกค้าที่รักตัวการ์ตูนเหล่านี้ทั้งสองกลุ่ม จะยอมเสียเงินจ่ายได้ทันที
- ช่วยจุดกระแสได้เป็นอย่างดี เพราะการวมตัวกันของแบรนด์ ถือเป็นเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายทั้งสองให้ความสนใจ เหมือนแบรนด์ให้ของขวัญลูกค้าด้วย Collection Limited ซึ่งมีแค่ช่วงเวลานั้นช่วงเดียว หลังจากนี้หาซื้อไม่ได้แล้ว
- ขยายฐานลูกค้าจากแบรนด์หนึ่งไปอีกแบรนด์ เหมือนได้กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ใหญ่ขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าจะนำมาซึ่งยอดขายเช่นกัน
- สร้าง Awareness ได้อย่างถล่มทลาย เล่าก่อนว่า กลยุทธ์การตลาดในปีนี้และช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาจะเห็นหลายแบรนด์ใช้ลูกเล่นโดยการไปโคกับแบรนด์อื่น ซึ่งผลตอบรับก็ดีกว่าออกคอลเลคชั่นตัวเองเดี่ยวๆ ซะอีก
- ตอกย้ำ Brand DNA จะของแบรนด์อยู่แล้ว หรือจะสร้างใหม่ก็ได้ผลดีเช่นกัน
แคมเปญที่น่าสนใจ
เรามาดูกันค่ะว่ามีแบรนด์ไหนใช้กลยุทธ์ Co – Branding แล้วน่าสนใจกันบ้าง
แน่นอนว่า หมวดเครื่องสำอางค์ถือว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทธุรกิจที่นิยมใช้กลยุทธ์ Co – Branding ตลอดๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้าที่ต้องการเสริมความสวยงามและมีรูปลักษณ์ในการพกพาที่เก๋ไก๋ ทำให้กลยุทธ์นี้ยังคงได้รับเสียงฮือฮาเสมอมา
Innisfree x Toy Story ที่นำตัวละครในการ์ตูนมาแมทกับเครื่องสำอางค์ที่มีเป็นคอลเลคชั่นพิเศษที่มาพร้อมกล่อง Limited ให้น่าสะสม
มาดูฝั่งอาหารกันบ้างกับไก่ทอดชื่อดัง KFC ที่ Co – Branding กับเสื้อผ้าแนวสตรีทอย่าง Human Made สร้าง Collection Limited “Human Made x KFC Capsule Collection”
เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายที่ชอบแนวสตรีท ให้หันมาเลือกทานอาหารฟาสต์ฟู๊ดอย่าง KFC อีกครั้ง เรียกว่าเจาะอินไซต์กันสุดๆ เป็นคอลเลคชั่นที่สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย ไม่ต่างกับเทียนหอมกลิ่นไก่ทอดเลย
มาที่แบรนด์หรูอย่าง louis vuitton ที่ร่วมมือกับ Apple ผลิต Apple Watch ระดับ High End ที่เรียกกระเเสจากเหล่าเซเลบที่สะสมเเบรนด์ทั้งสองอยู่เเล้ว นอกจากจะได้ฐานลูกค้าเพิ่มเเล้ว ยังเพิ่มความพรีเมียมให้กับทั้งคู่อีกด้วย
ถัดมาที่หมวดให้ความรู้อย่างสำนักข่าว The Standard ที่ในปีนี้ได้ร่วมมือกับเพจลงทุนแมน ผลิตคอนเทนต์คุณภาพบนโลกโซเชียล เรียกว่าเตรียมตัวรอคอนเทนต์ดีๆ ได้เลย
สังเกตมั้ยคะว่าเมื่อแบรนด์คุณภาพทั้งสองมาเจอกันนอกจากจะได้เจออะไรใหม่ๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายทั้งสองแบรนด์ก็ตั้งตารอผลงานที่จะออกมาเช่นกัน การ Co – Branding จึงเหมาะกับการยุคตอนนี้ลูกค้าต้องการสิ่งที่มีคุณภาพ พิเศษ และครีเอท
ในยุคที่ใครๆ ต่างก็หากลยุทธ์เพื่อเอาตัวรอดในสงครามที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง และแบรนด์ไหนก็สามารถมาโลดแล่นบนโลโซเชียลได้อีก การจะชิงพื้นที่สื่อคงต้องใช้กลยุทธ์ที่เค้นไอเดียกันหนักหน่วงแน่นอน
การใช้กลยุทธ์ Co – Branding จึงเป็นอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจและน่าจับตามองที่สุดในปี 2019 เพราะตอนนี้หลายแบรนด์ซุ่มจับมือกันสร้างคอลลเลคั่นพิเศษแล้ว แล้วแบรนด์คุณหละเตรียมตัวจะเซอร์ไพซ์ลูกค้าของคุณหรือยัง