ในปี 2566 เป็นปีที่สินค้าหลายกลุ่มขึ้นราคาจากต้นทุนวัตถุดิบ ราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนค่าขนส่งปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดน้ำอัดลมปรับตัวขึ้นราคาไปด้วยเช่นกัน
น.ส.ริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนค่าขนส่ง และเงินเฟ้อ ทำให้บริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาน้ำอัดลมขึ้นไปแล้ว 1 บาท ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม โค้ก มีการประเมินตลาดน้ำอัดลมของไทย ที่มีมูลค่ากว่า 5.60 หมื่นล้านบาท ในปี 2566 นี้มีโอกาสจะขยายตัวมากกว่าปี 2565 ที่มีการเติบโต 7% แรงหนุนจากสภาพอากาศในปีนี้ที่ร้อนมากขึ้นกว่าปกติ และสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายไป มีผลต่อกำลังซื้อโดยรวมให้มีความคึกคักมากขึ้น
ขณะเดียวกันตลาดน้ำอัดลมในปีนี้ที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง กลุ่มสินค้าที่มาแรงจะเป็น กลุ่มสินค้าไม่มีน้ำตาล และ 0 แคลอรี ตามความสนใจในการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น
ส่วนภาพรวมตลาดน้ำอัดลมในไทยในปีก่อน นีลเส็น ระบุว่า ตลาดมีมูลค่ากว่า 5.60 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 7%
ในปัจจุบันเฉพาะแบรนด์ โค้ก มีส่วนแบ่งการตลาดรวม 56% ในตลาดรวมเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่เป็นน้ำดำ
นอกจากนี้ในช่วงเดือน พ.ค. ยังได้เปิดตัวเครื่องดื่ม แบรนด์ใหม่ อู-ฮ่า เป็นเครื่องดื่มโซดาผสมกลิ่นผลไม้ เป็นเครื่องดื่มมีน้ำตาล 0% และ 0 แคลอรี มุ่งขยายกลุ่มคนรุ่นใหม่ใน Gen Z อายุ 16-25 ปี กลุ่มที่ชอบเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น และเป็นผลดีต่อสุขภาพประกอบกัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ