ไม่ใช่ว่าสื่อใหม่เชิงสังคมออนไลน์อย่าง Facebook หรือ Twitter จะได้รับความนิยมในทุกกลุ่มตลาด เพราะการสำรวจล่าสุดพบว่าวิธีสุดคลาสสิคอย่างการส่งเสียงผ่านโทรศัพท์คือวิธีการสื่อสารที่คู่รักในยุคดิจิตอลนิยมมากที่สุด ซึ่งชนะทั้งการสื่อสารไฮเทคอย่าง Video Chat และการส่งข้อความแชตส่วนตัวทันใจอย่าง IM
แม้ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปจนทำให้รูปแบบของการติดต่อสื่อสารถูกพัฒนาให้หลากหลายตามไปไม่หยุดนิ่ง เช่นการสื่อสารผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ รวมไปถึง Video Chat ที่ได้รับความนิยมแพร่หลายต่อเนื่องในปัจจุบัน แต่ปรากฏว่าวิธีสุดคลาสสิคอย่างโทรศัพท์ยังเป็นวิธีการสื่อสารยอดฮิตของคู่รักในยุคนี้ ถือเป็นอีกพฤติกรรมของตลาดคู่รักที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม
ผลการสำรวจนี้เป็นของบริษัท Sendemail ซึ่งเผยผลสำรวจในช่วงวันวาเลนไทน์ที่กำลังใกล้เข้ามา จากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคู่รักกันมากกว่า 200 คนพบว่า ส่วนใหญ่ยังคงนิยมการติดต่อกันผ่านการใช้โทรศัพท์ ถือเป็นการสื่อสารเป็นอันดับ 1 ที่คู่รักส่วนใหญ่เลือก (27%) รองลงมาเป็นการส่งข้อความ (26%) E-mail (24%) Facebook (11%) รวมไปถึง IM หรือ Video Chat (5%) และ Instragram หรือ Google+ (1%)
เมื่อถามถึงช่องทางการสื่อสารเพื่อบอกรัก กลุ่มคู่รักยังคงเทคะแนนให้การใช้โทรศัพท์ จนครองตำแหน่งแชมป์เช่นเดิม โดยได้รับความนิยมมากที่สุด (25%) ตามมาด้วยการส่งข้อความ (21%) E-mail (17%) Facebook (15%) และ Video Chat (13%)
นอกจากนี้ การสำรวจพบว่าช่วงอายุเป็นส่วนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการเลือกใช้วิธีการสื่อสารในคู่รักด้วยเช่นกัน โดยในกลุ่มวัยรุ่นอายุไม่เกิน 24 ปีเลือกที่จะสื่อสารหรือบอกรักกันผ่าน Video Chat ที่สามารถสื่อสารกันได้ทั้งภาพและเสียงมากที่สุด 21% ในขณะที่ E-mail กลับได้รับความนิยมเพียงแค่ 5% เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มผู้ใหญ่อายุ 54 ปีขึ้นไปที่กลับเลือกใช้ E-mail ในการติดต่อมากที่สุดถึง 26%
ในการสื่อสารกันระหว่างคู่รัก ความเป็นส่วนตัวยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญมากถึง 75% โดยสังเกตได้จากการใช้ E-mail ซึ่งพบว่าคู่รักกว่า 95% เลือกที่จะใช้ E-mail ส่วนตัวในการติดต่อกันแทนการใช้ E-mail ของบริษัท (Corporate E-mail) ที่มีการใช้เพียงแค่ 3% เท่านั้น
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การส่งข้อความหรือ E-mail ถึงผู้รับให้ถูกคน ซึ่งการสำรวจพบว่ามีการส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือผิดคนมากถึง 68% ในขณะที่ E-mail ก็พบว่ามีการส่งหาผิดคนถึง 15% ด้วยเช่นกัน
ที่มา: Visual.ly