“เอ็ม-ขจร เจียรนัยพานิชย์” (@Khajochi) CEO ของ The Zero ที่มีเว็บไซต์ในเครืออย่าง Mango Zero, Parents One, Rainmaker, Thumbsup และ GG2 รวมถึงยังเป็น Influencer ที่มีผู้ติดตามบน Twitter มากกว่า 630,000 Followers และบน Facebook Page มีผู้กดไลก์มากกว่า 41,000 Likes ได้เผยเทรนด์ด้านคอนเทนต์ที่เหล่า Content Creator ต้องไม่พลาด! ในงาน iCreator Meetup ครั้งที่ 1 จัดโดย Rainmaker
โดยได้ปูพื้นข้อมูล Social Media ในปี 2018 ในภาพรวมใหญ่ที่ผ่านมาว่า Facebook มีผู้ใช้ 53 ล้านคน, Instagram 13 ล้านคน และ Twitter มี Active User 7.8 ล้านคน) จึงทำให้เห็นว่า ถ้าอยากชนะในโลกออนไลน์ต้องชนะบน Facebook ให้ได้ก่อน ส่วน 10 เทรนด์ที่ Content Creator ยุค 2019 ต้องให้ความสนใจ มีดังนี้
เลิกเน้นลงคอนเทนต์บน Facebook ได้แล้ว
เพราะ Facebook มีมาตรการมากมายออกมาทำให้โพสต์ที่อัพขึ้นไปถูกกลั่นกรองและอาจเข้าถึงคนได้ยากขึ้น หลังจากเจอกรณีอื้อฉาวหลายอย่าง จึงแนะนำให้ควรมองหาช่องทาง Social Media อื่นๆ เช่น Twitter, Instagram หรือ YouTube เป็นต้น
คนโอเคกับการขายของ ขอแค่คอนเทนต์ดีก็พอ
ถึงจะเป็นเนื้อหาโฆษณา ถ้าดีก็เริ่มเปิดใจยอมดูแล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมาหลายเจ้าเริ่มสนใจทำคอนเทนต์แนวนี้มากขึ้น เช่น พี่เอ็ด 7 วิ, กอล์ฟมาเยือน หรือ KBank เป็นต้น ซึ่งปีที่ผ่านมา หลายแบรนด์ทำออกมาแล้วได้ผลดีมาก ทำให้ในปีนี้ หลายแบรนด์เริ่มสนใจการทำคอนเทนต์แนวนี้มากขึ้น
Brand as Publisher : แบรนด์เริ่มทำคอนเทนต์แบบจริงจัง
จากข้อ 2 ทำให้หลายแบรนด์ที่ขายสินค้า เริ่มสนใจเปลี่ยนหรือเพิ่มบทบาทมาเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ในฐานะ Publisher ที่มีคุณภาพกันมากยิ่งขึ้น เช่น Wongnai, Netflix และ The Styler ของ The Mall เป็นต้น
Real-time Marketing กลายเป็นสิ่งจำเป็น
ปัจจุบันคนเข้า Facebook เพื่อดูข่าวเป็นหลักไปแล้ว ทำให้มันกลายเป็นสำนักข่าวที่เมื่อมีอะไรที่เป็นเทรนด์ คนที่อยู่บน Facebook ก็จะให้ความสนใจแค่บางเรื่องเท่านั้นแล้ว เช่น เรื่องถ้ำหลวง หรือ PM 2.5 เป็นต้น ทำให้ Content Creator ต้องตามเทรนด์ให้ทัน
Stories กลายเป็น Next Gen Content
เหตุเพราะมันอยู่บนด้านสุดของแอปพลิเคชั่น ไม่ต้องรอลุ้นเลยว่าจะเลื่อนลงมาเจอคอนเทนต์ของเราหรือไม่ และวัยรุ่นชอบเล่นเพราะมันใช้ง่าย ดึงดูดให้อยู่บน Stories นาน ทำให้คนสร้างคอนเทนต์มองข้ามฟีเจอร์นี้ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
โฆษณาบน Facebook เริ่มแพง
ปัจจุบันก็ทราบกันดีว่า Facebook กลายเป็น Red Ocean ที่มีคนเข้ามากขึ้น แน่นอนส่งผลให้การลงโฆษณาเกิดการแข่งขันมากขึ้น และต้องใช้จำนวนเงินในการ Boost Post มากขึ้น แน่นอนว่าค่าโฆษณาบน Social Media อื่นๆ ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ตอนนี้ค่าโฆษณา Twitter และ YouTube ก็ยังถือว่าถูกกว่า Facebook อยู่ดี
คลิปแนวตั้งเริ่มได้ผลดีกว่าแนวนอน
แพลตฟอร์มต่างๆ อย่าง Facebook, Instagram และ YouTube เริ่มปรับให้รองรับคลิปแนวตั้งมากขึ้น รองรับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มากขึ้น ซึ่งมีการพิสูจน์แล้วว่าได้ผลดีกว่าจริงๆ เพราะ 95 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานอยู่บนสมาร์ทโฟนแล้ว ถือเป็นรูปแบบวีดีโอที่น่าสนใจและควรเริ่มทำในปีนี้แล้ว
คนเริ่มกด Like, Follow หรือ Subscribe ยากขึ้น
เห็นได้จากพฤติกรรมการโหลดแอปพลิเคชันใหม่ๆ น้อยลง เพราะผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนเริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัวแล้ว ส่งผลให้แบรนด์สร้าง Engagement ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยแบรนด์บางแบรนด์ (เช่น สำนักข่าวต่างๆ) จึงเริ่มแตกแบรนด์เพื่อให้เข้าถึงคนเฉพาะกลุ่มได้มากขึ้น
การ Declare ความโปร่งใสกลายเป็นเรื่องจำเป็น
การใส่ Hashtag แบบ #Advertorial ในโพสต์ที่เป็นโฆษณากลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ถ้าใครไม่ใส่อาจถูกวิจารณ์ได้ว่าทำไมคุณถึงไม่เปิดเผยให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่าเป็นโฆษณา กลายเป็นสิ่งที่ควรต้องทำ เพราะคนอ่านจะจับตาเราแบบละเอียดมากยิ่งขึ้น
Idol + eSports + Netflix = Gen Y+Z
คนก่อนยุค Gen X จะเริ่มไม่รู้จักเรื่อง Idol, eSports และ Netflix ซึ่งสามเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องกระแสหลัก (Mass Media) ที่คนทำคอนเทนต์ควรรู้จัก เพื่อให้สามารถทำเนื้อหาที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่เป็น Gen Y และ Gen Z ได้ ดังนั้นอยากเข้าใจ เข้าถึง และเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นใหม่ ต้องเข้าใจว่า 3 เรื่องข้างต้น คน Gen Y และ Gen Z นั้นเสพเป็นเรื่องปกติไปแล้ว