รู้จักประเภทของคอนเทนต์แบบ E-A-T กันไหมคะ ที่นำเรื่องนี้มาเขียนสำหรับคนที่ยังไม่รู้จักคำนี้และไม่ทราบว่าการทำคอนเทนต์แบบนี้จำเป็นหรือไม่ต่อธุรกิจของเรา และทำเพื่ออะไร วันนี้เราจึงมาปูพื้นฐานเรื่องนี้ให้คนที่กำลังสนใจกัน
E-A-T คืออะไร
เริ่มต้นกันที่ความหมายของคำว่า E-A-T หรือ Expertise (ความเชี่ยวชาญ), Authoritativeness (ความเชื่อถือได้) , Trustworthiness (ความน่าเชื่อถือ)
ด้วยความเสี่ยงที่จะเกิด Fake News ทำให้ Google พยายามอย่างมากในการตรวจสอบเนื้อหาและให้คะแนนความน่าเชื่อถือต่อคอนเทนต์ที่ดีกว่าเดิม โดยยิ่งในยุคของการแพร่ระบาดโควิด-19 ความเสี่ยงในการปล่อยข้อมูลเท็จยิ่งสูง ทำให้ google ต้องพัฒนาระบบหลังบ้านอย่างหนักเพื่อให้ระบบ AI จดจำและตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดีขึ้น ซึ่งเว็บไซต์ที่ผ่านการตรวจสอบจะมีเครื่องหมายบอกให้ทราบว่าถูกเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญจริงๆ
E-A-T ถือว่าเป็นหลักการที่ถูกกล่าวถึงมากขึ้นในด้านหลักเกณฑ์ของการตรวจคุณภาพเนื้อหา หรืออ่านเงื่อนไขในกูเกิล จึงถือเป็นสัญญาณหลักที่ google ใช้เป็นหลักในการประเมินและตัดสินเนื้อหาออนไลน์ ว่ากูเกิลมีอัลกอริทึมในการทำงานอย่างไร
Ben Gomes รองประธานด้าน search ของ Google กล่าวไว้ว่า ระบบไม่ได้บอกว่าอัลกอริทึมจะไปค้นหาที่ใดบนเว็บไซต์ของคุณ แต่จะบอกว่าในเว็บไซต์ของคุณควรมีการจัดลำดับความสำคัญในเว็บอย่างไร และแสดงให้เห็นว่าอัลกอริทึมจะปล่อยให้ข้อมูลของคุณผ่าน มีหลักการที่ควรทำอย่างไร
แน่นอนว่า E-A-T ไม่ได้ใช้การค้นหาแบบทั่วไป แต่ภายในเว็บต้องมีคำค้นหาที่อธิบายข้อมูลอย่างละเอียดและอธิบายถึงสิ่งต่างๆ ที่สำคัญและจำเป็นต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า YMYL
YMYL ย่อมาจาก Your money or your life ซึ่งจะหมายถึงเว็บไซต์นั้นมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของสุขภาพ การเงินและความปลอดภัย ของผู้เข้าเยี่ยมชม ความหมายนี้คือกว้างมาก แม้แต่เว็บไซต์ที่มีการเปิดรับบัตรเครดิตเพื่อซื้อของออนไลน์ก็ถือว่าเป็น YMYL เช่นกัน
ยกต้วอย่างประเภทเว็บไซต์ YMYL คือ
- เว็บไซต์ข่าวและกิจกรรมต่างๆ (News and current events)
- กฏหมาย-รัฐบาล (Civics, government and law)
- การเงิน (Finance)
- ซื้อขายสินค้า (Shopping)
- สุขภาพและความปลอดภัย (Health and safety)
- กลุ่มต่างๆ (Groups of people)
- รวมไปถึงเว็บไซต์ที่มีการตัดสินใจ หรือเกี่ยวข้องกับชีวิตของคน
ทางด้านของเหตุผลที่ google มีการระบุประเภทเว็บไซต์เหล่านี้ ก็เพราะต้องการที่จะเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติม เกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาต่างๆ ภายในเว็บไซต์เหล่านี้ เพราะอาจส่งผลกระทบในวงกว้างได้ หาก google ประเมินเว็บไซต์เหล่านี้ไม่รอบคอบหรือรัดกุม ยิ่งในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 ยิ่งทำให้มีเรื่องราวส่งต่อเกี่ยวกับไวรัส การแพร่ระบาด การรักษาแบบไม่ได้มาตรฐานและสุ่มเสี่ยงต่อการเข้าใจผิด
ทั้งนี้ E-A-T และ YMYL จะปรากฏได้ทุกเว็บไซต์และทุกประเภทธุรกิจ
ทำไมถึงต้องใช้ E-A-T
แต่ก็ยังมีคนทำคอนเทนต์สงสัยว่าจำเป็นต้องทำ E-A-T จริงหรือไม่ เพราะหลักการทำงานแบบเดิมอาจจะดีอยู่แล้ว และจำเป็นในสายตาลูกค้าที่เข้ามาใช้งานมากน้อยแค่ไหน หรือทุกธุรกิจเลยที่ต้องทำ E-A-T ทั้งที่เราก็ยังทำ SEO แบบเดิมอยู่ แล้วอะไรคือหลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพของ google เพราะคนทำเว็บไซต์จะคิดแค่ว่าลูกค้าจะค้นหาอะไรมากกว่าอัลกอริทึมทำงานอย่างไร
ดังนั้น ในฐานะคนทำเว็บอาจจะไม่ต้องเขียนระบบให้วุ่นวายมากนัก แต่ขอให้เว็บไซต์ของคุณเรียบง่าย เนื้อหาน่าเชื่อถือและมีบทความจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาเขียนบ้าง เพราะไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่จำเป็นต้องใช้เทคนิค E-A-T แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณมี YMYL อาจจะต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์หรือคอนเทนต์ให้สอดคล้องบ้าง
แกนหลักของ E-A-T ที่จะช่วยให้เนื้อหาดีขึ้น
- มีการอ้างอิงข้อมูลจาก Wikipedia หรือคอนเทนต์ภายในเว็บของคุณบ้าง
- อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งความรู้ใน google บ้าง
- มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่น่าเชื่อถือมาอ้างอิง
- เชื่อมโยงกับเว็บที่มีคุณภาพ
- อ้างอิงข้อมูลเท็จจริงจากหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
- มีคะแนนรีวิวจากผู้ชม
- หัวข้อและเนื้อหามีความน่าเชื่อถือ
- ปรับปรุงคุณภาพคอนเทนต์ให้ดีขึ้นเสมอ
- อย่าทำเนื้อหาที่เน้นขายของมากเกินไป
- คอนเทนต์มีความแตกต่างและมีแหล่งอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- มีรายละเอียดของธุรกิจที่ชัดเจนตรวจสอบได้
- อัพเดทประวัติธุรกิจให้ทันสมัย
- มี CTAs และ UX ที่ถูกต้อง
- ตรวจสอบโฆษณาที่ปรากฏในเว็บเสมอๆ
หากอยากทำ SEO ให้ดีขึ้นกว่านี้ ลองอ่านบทความนี้ Holistic SEO จะช่วยขยายรายละเอียดให้เว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่เหมาะสมและ google รักคุณมากขึ้นแน่นอนค่ะ
ที่มา : Yoast