Site icon Thumbsup

ธุรกิจทั่วประเทศจะเป็นอย่างไร เมื่อพ้นเคอร์ฟิว

เชื่อว่าช่วงนี้ทุกคนคงมีเรื่องในใจที่อยากบอกและสิ่งที่อยากทำมากมายแต่ไม่ได้ทำ เพราะตอนนี้ประเทศอยู่ในช่วงเคอร์ฟิว มีเวลาจำกัดสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคืออยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อ ฉะนั้นกิจกรรมทั้ง เดินห้าง ช้อปปิ้ง ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือง่ายๆ อย่างนัดเพื่อนกินข้าว ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ 

แต่อีกไม่กี่วันก็ถึงวันพ้นเคอร์ฟิวแล้ว ประเทศเริ่มเปิดมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติทีละนิด คงต้องรอประกาศจากรัฐบาลเรื่อยๆ ซึ่งวันนี้เราจะลองมาวิเคราะห์ว่าธุรกิจในแต่ละด้านจะเป็นอย่างไรค่ะ

ธุรกิจด้านอาหาร

ถึงแม้ตอนนี้ร้านอาหารบางส่วนจะสามารถเปิดแบบ Delivery หรือ Take away ได้ แต่จริงๆ แล้วรายได้หลักของร้านอาหารคือลูกค้าที่มาทานในร้านมากกว่า และการที่ร้านเปิดบริการทำให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่น ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่คิดถึงกิจกรรมอะไรง่ายๆ ก็ยังทำไม่ได้

แค่ทานก๋วยเตี๋ยวร้านประจำแถวบ้านก็ไปไม่ได้ ฉะนั้น ธุรกิจอาหารจะเฟื่องฟูได้ไวเมื่อพ้นช่วงเคอร์ฟิวแล้ว แต่แน่นอนว่าร้านอาหารย่อมกลายเป็นแหล่งแออัด คาดว่ารัฐบาลมีมาตรการเข้ามาเสริม เพื่อช่วยให้เชื้อโรคไม่กระจายเมื่อพ้นเคอร์ฟิวแล้ว

 

ธุรกิจด้านบันเทิง

ด้านบันเทิงนี้แบ่งเป็นหลายแบบ อย่างแรกคือพวกรายการต่างๆ หรือละครที่มีสต็อก แต่วางแผนการถ่ายทำแบบถ่ายทำไปออกอากาศไป พอเจอเคอร์ฟิวก็ทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ จนต้องยุติรายการชั่วคราว ซึ่งเมื่อกลับมาถ่ายทำได้อีกครั้ง คาดว่าเรตติ้งการรับชมต่างๆ น่าจะค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ แต่อาจจะไม่ได้มากมายเหมือนธุรกิจด้านอาหาร เพราะคนไทยมีสื่อทางเลือกที่จะเสพอีกมากมาย

ทำให้ความบันเทิงด้านนี้ถูกทดแทนด้วยส่วนอื่นได้ ถัดมาคือสถานบันเทิง ตั้งแต่บาร์สำหรับฟังเพลงชิว จนถึงผับย่านดัง คาดว่าการจะกลับมาเป็นปกติอาจใช้เวลาอีกสักพัก เพราะเป็นแหล่งแออัด ติดเชื้อได้ง่าย เวลาทำการปกติอาจต้องใช้เวลาอีก หรืออาจถูกจำกัดเวลาเข้าออก หรือขยายเวลาเปิดปิดไปอีก

แต่หากทุกอย่างสามารถทำได้ สถานบันเทิงกลับมาครึกครื้นและมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่ เพราะสถานที่เหล่านี้คือแหล่งรวมตัวพบปะสำคัญอีกแห่งหนึ่ง

 

ธุรกิจด้านห้างสรรพสินค้า

ถึงแม้ห้างสรรพสินค้าจะเป็นแหล่งที่มีข่าวลือว่าพบผู้ติดเชื้อในหลายจุด แต่ทางห้างเองก็มีมาตรการฆ่าเชื้อที่เข้มงวดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อถึงสถานการณ์เคอร์ฟิว ห้างต้องปิดตัวลง จนต้องมาเน้นการขายบนโลกออนไลน์แทน แต่ก็ไม่สามารถทดแทน การเดินห้างปกติได้ และห้างคือแหล่งรวมธุรกิจในทุกด้าน

ทำให้เม็ดเงินไหลเวียนในเศรษฐกิจค่อนข้างเยอะ เมื่อพ้นเคอร์ฟิวจนกลับมาเป็นปกติได้โดยไว เงินที่เคยฝืดเคืองในระบบ จะมีเม็ดไหลเข้ามาเพิ่มมากขึ้น เพราะห้างสรรพสินค้าเป็นกลไกลสำคัญต่อการดำรงชีวิตในมนุษย์ทั้ง ศูนย์อาหาร สถานบันเทิง แหล่งช้อปปิ้ง ธุรกรรมทางการเงิน

แต่ว่าเงินจะมากน้อยเพียงใด จะมีปัจจัยด้านเงินที่ทุกคนถือในมืออีก ซึ่งคาดว่าคนจะประหยัดขึ้น ถึงแม้ช่วงแรกจะอยากใช้เงินมากมายก็ตาม เพราะตระหนักได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ต้องมีเงินเซฟไว้

 

ธุรกิจด้านการตลาด

ใครที่ทำงานสายเอเยนซี่น่าจะเข้าใจดีว่าช่วงเคอร์ฟิวนี้โดนยกเลิกงานไปมากมายแค่ไหน และหากใครทำด้านอีเว้นท์อาจจะเจ็บหนักสุดๆ เพราะทุกงานแทบจะยกเลิกหมด หรือต่อให้ hold ไว้ก็ใช่ว่าจะได้จัดอีกในเร็ววัน ซึ่งถึงแม้พ้นเคอร์ฟิวไปแล้วแต่ใช่ว่าธุรกิจด้านเอเยนซี่ต่างๆ จะกลับมาครึกครื้น

เพราะงบการตลาดจากลูกค้าจะน้อยลงอย่างมาก ยกเว้นแคมเปญที่ถูกสร้างเพื่อกระตุ้นโดยตรงและแบรนด์มีงบพอที่จะลงทุน ขึ้นอยู่กับว่าเอเยนซี่นั้นมีลูกค้าที่มีเม็ดเงินมากขนาดไหน

 

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเมื่อประกาศพ้นเคอร์ฟิวแล้ว แต่ทุกอย่างจะเป็นดีขึ้นอย่างไร ก็ต้องค่อยๆ ดูสถานการณ์ประกอบไปเรื่อยๆ เพราะหลายสำนักคาดว่าโควิดจะอยู่กับเราไปจนถึงปีหน้า ฉะนั้นการดูแลตัวเองเบื้องต้นอย่างเช่น การพกผ้าปิดปาก ใช้แอลกอฮอล์เช็ดมือต้องมีใช้งานไม่ขาด เพื่อให้ประเทศไทยกลับมาเป็นปกติ และเศรษฐกิจจะเริ่มดีขึ้นอย่างที่ต้องการ