บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด(มหาชน) ได้แจ้งผลประกอบการครึ่งปีแรก(มกราคม – มิถุนายน2563) ระบุว่า มีรายได้รวม 273,881 ล้านบาท ลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 8,532 ล้านบาท ลดลง 19.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 8,532 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว มีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการขายสินค้าที่ลดลงของทั้งธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ‘7-Eleven’ และธุรกิจค้าส่ง ‘สยามแม็คโคร’ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 64% และ 36% ของบริษัทตามลำดับ
ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าและบริการในไตรมาส 2 ปี 2563 สามารถทำรายได้รวม 70,359 ล้านบาท ลดลง 17 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อร้านต่อวันเท่ากับ 66,950 บาท, อัตราการเติบโตยอดขายเฉลี่ยของร้านเดิมลดลง 20.2% โดยมียอดซื้อต่อบิลโดยประมาณเท่ากับ 79 บาท และจานวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันเฉลี่ย 841 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่ลดลง
เนื่องการผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งกระทบรายได้ของบริษัทอย่างรุนแรงมากในเดือนเมษายน และลดระดับลงในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ตามลำดับ
พัฒนาช่องทางการขาย
อย่างไรก็ตาม ทาง CPALL ได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยนำเสนอช่องทางการขายสินค้าผ่านระบบ O2O อาทิ 7-Eleven Delivery , All Online และ 24Shopping เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีแต่ยังไม่สามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2563 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อเปิดร้านสาขาใหม่รวมทั้งสิ้น 106 สาขา ส่งผลให้บริษัทมีจำนวนร้านสาขาทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 12,089 สาขา
อ้างอิง stockradar, ประชาชาติธุรกิจ