ถ้าจะพูดถึงช่องทีวีดิจิทัลที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คงจะหนีไม่พ้นช่อง Workpoint TV ที่ล่าสุดมีเรตติ้งเป็นอันดับ 3 ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แน่นอนว่ารายการ “ปริศนาฟ้าแลบ” เป็นอีกหนึ่งรายการที่ช่วยสร้างความนิยมให้กับสถานี และงาน Creative Talk ครั้งที่ 6 นี้ ก็ได้เชิญคุณมาวิน ธนธัช ไตรรัตน์วงศ์ ครีเอทีฟผู้อยู่เบื้องหลังคำถามสุดกวนในรายการปริศนาฟ้าแลบมาพูดคุย
ย้อนกลับไปในช่วง 2 ปีก่อน ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารายการควิซโชว์บ้านเรามันตายไปแล้ว ด้วยความที่รายการควิซโชว์ในยุคก่อนๆ มักจะมีท่าทีจริงจัง เคร่งขรึม และซีเรียสประมาณนึง มันจึงมาถึงทางตัน คนทำรายการทีวีต่างรู้กันดีว่าถ้าทำควิซโชว์ออกมาอีกก็คงเกิดได้ยาก
คุณมาวินเล่าว่า ในตอนนั้น Workpoint เพิ่งจะประมูลได้ช่องทีวีดิจิทัลมา และหน้าที่ของเขาก็คือการคิดรายการเพื่อมาออกอากาศในช่อง แต่ตอนนั้นไม่มีใครคิดจะทำรายการควิซโชว์ ไม่มีใครคิดว่าจะเอาการถามตอบไปเป็นหัวใจสำคัญของรายการ
ดังนั้น “ปริศนาฟ้าแลบ” ในช่วงเริ่มต้นจึงเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ในรายการใหญ่ๆ ที่ทีมงานคิดเพื่อเอาไปนำเสนอผู้บริหาร
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ปริศนาฟ้าแลบถูกพัฒนามาจนเป็นรายการใหญ่ได้ก็คือ ความเป็นนักฉกฉวยในตัวครีเอทีฟนั่นเอง
กล่าวคือ ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ดูตัว Demo รายการ พอมาถึงช่วงตอบคำถามเล็กๆ ที่ว่า ปฏิกริยาของคนดูจะแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด จากช่วงใหญ่ๆ ของรายการที่เรียกเสียงฮาได้ประมาณนึง แต่พอถึงช่วงนี้กลับได้เสียงฮาพอๆ กับตลกสามช่า
คุณมาวินบอกว่า มันเป็นคำถามที่ทำให้คนดูรู้สึกว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ?” เขาจึงเก็บเอาปฏิกริยาของคนดูจากที่มองเห็น มาพัฒนาต่อยอดออกไปอีก เพราะรู้แล้วว่านี่คือคนดูของเขา
แต่ถึงจะฟังดูง่ายแบบนั้น เส้นทางของปริศนาฟ้าแลบก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะถ้าจะพูดให้ถูกคือ มันเป็นการสร้างขึ้นมาจากอากาศ ไม่มีใครรู้ว่ารูปแบบรายการทั้งหมดควรจะเป็นแบบไหน ตั้งแต่ชุดคำถามไปจนถึงพิธีกร และคาแรกเตอร์ของรายการ
นั่นคือที่มาที่ไปของการทำ demo รายการเกือบ 10 ครั้ง เพื่อหาสูตรสำเร็จ จนรู้ว่าความสนุกของรายการอยู่ที่การมีเวลาจำกัด ดังนั้น ถึงแม้วาคำถามจะฟังดูไม่มีสาระอะไร แต่มันก็กลายเป็นคำถามยากๆ ได้ เพราะความล่กของแขกรับเชิญ บวกกับสไตล์การดำเนินรายการของคุณปัญญาที่ทำให้รายการดูสนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
รวมทั้ง “เก้าอี้ล่อฟ้า” ที่ถือว่าเป็นเครื่องหมายการค้าสำคัญของรายการ ก็เกิดมาจากไอเดียเด็กๆ ที่ครีเอทีฟพูดเองว่า “คิดแบบโง่ๆ” แต่มันกลับเวิร์ก ซึ่งก็เป็นเรื่องของการ “ฉกฉวย” อีกนั่นแหละ ที่ทำให้ “ไอเดียโง่ๆ” กลายเป็น Identity ของรายการ
ทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของรายการปริศนาฟ้าแลบ ควิซโชว์ที่ใครก็คิดไม่ถึง และประสบความสำเร็จมากที่สุดนับตั้งแต่มีทีวีดิจิทัล
ภาพจาก Creative Talk Live